In News

แผ่นดินไหวไม่มีผลเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์ คาดเงินสะพัดกว่าแสนล.สูงสุดในรอบ5ปี



กรุงเทพฯ-นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นไทยแผ่นดินไหวไม่กระทบ สงกรานต์คึกคัก คาดเงินสะพัดกว่าแสนล้านบาท ขยายตัว 4.5% สูงสุดในรอบ 5 ปี ชี้คนไทยวางแผนเตรียมเดินทางเที่ยวสงกรานต์ 72.1%ขณะที่รัฐบาลเข้มมาตรการดูแลความปลอดภัย -แหล่งท่องเที่ยวรับสงกรานต์ 

วันอาทิตย์ ที่ 6 เมษายน 2568 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง  ผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 คาดว่าเม็ดเงินจะสะพัดถึง 134,631 ล้านบาท ขยายตัว 4.5% จากปีที่ผ่านมา (ปี 2567 อยู่ที่ 128,834.19 ล้านบาท) ซึ่งนับเป็นมูลค่าการใช้จ่ายสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2563 (69,005.48 ล้านบาท) จากผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ระบุว่าจะลดการใช้จ่ายมีเพียง 5% ถือเป็นสัดส่วนน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 ขณะที่ 72.1% ของกลุ่มตัวอย่างมีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2562 สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในการใช้จ่ายและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

นายอนุกูล กล่าวต่อว่า สำหรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวนั้น ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 74.5 ระบุว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขณะที่ร้อยละ 14.4 ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และร้อยละ 11.1 ใช้จ่ายลดลง ด้านแผนการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ภายหลังเหตุแผ่นดินไหว ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.7 ระบุว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 17.1 มีแผนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และอีกร้อยละ 11.2 ระบุว่าใช้จ่ายลดลง โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยังคงมีกิจกรรมในช่วงสงกรานต์ตามปกติ แต่จะหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมในอาคารหรือสถานที่ที่เป็นตึกสูง 

ส่วนการประเมินจากฝั่งผู้ประกอบการ พบว่า สถานการณ์หลังแผ่นดินไหวยังคงเป็นปกติ โดยยอดขายของร้านค้าทั่วไป ยอดจองที่พักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงการเดินทางทางอากาศและจำนวนเที่ยวบินยังไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการคาดว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยอดขาย การจองที่พัก การใช้บริการในศูนย์การค้า รวมถึงการใช้จ่ายของประชาชนและนักท่องเที่ยวจะเพิ่มสูงขึ้นจากบรรยากาศการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก

“สงกรานต์ปีนี้เที่ยวไทยอย่างมั่นใจ รัฐบาลสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโรงแรม แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และโครงสร้างอาคารในพื้นที่เสี่ยง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขณะเดียวกัน ฝ่ายความมั่นคงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ สื่อสารข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยตลอดช่วงเทศกาล” นายอนุกูล กล่าว

เผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี2568

ก่อนหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดย รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานสถาบัน Harbour.Space@utcc พร้อมด้วย อาจารย์อุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ แถลงข่าว ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 จากผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,300 ตัวอย่าง ทั่วประเทศ พบว่า สงกรานต์ปีนี้บรรยากาศมีความคึกคัก และสนุกสนานกว่าปีก่อน คาดว่าในช่วงดังกล่าวจะมีเงินสะพัด ในระบบเศรษฐกิจ 134,631.73 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งมีเงินสะพัด 128,834.19 ล้านบาท ถือว่าเงินสะพัดสูงสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่งผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่า แม้ในปีนี้ จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว แต่คาดว่าเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีความคึกคัก แต่ยังระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ พร้อมด้วย อาจารย์วิเชียร แก้วสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ประเมินผลกระทบของภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีพื้นฐาน สำหรับสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐฯ โดยประเทศไทยโดนเรียกเก็บถึงร้อยละ 36 ซึ่งจะมีผล 9 เม.ย.นี้ ว่าตัวเลขที่ออกมานั้น มากกว่าที่เคยประมาณการเอาไว้ที่อัตราภาษี 10-15% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ที่ประมาณการไว้ในระดับ 0.87% แต่เมื่อมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าถึงร้อยละ 36 คาดว่ามาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 จะมีผลทำให้มูลค่าการส่งออกรวมของไทยลดลงประมาณ 359,104 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ -1.93% ของ GDP โดยเป็นผลกระทบทางตรงจากการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐฯ ลดลง 300,237 ล้านบาท ขณะที่ผลกระทบทางอ้อม มีทั้งการส่งออกวัตถุดิบของไทยในห่วงโซ่อุปทานจีน –เม็กซิโก แคนาดา กับสหรัฐฯ อีกราว 58,867 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลให้เศรษฐกิจขยายตัวลดลง 1-2% ดังนั้นทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจปี 2568 จะโตต่ำกว่า 2% ในปีนี้