In Thailand
ศึกชิงนายก-สท.นครนครปฐมกำลังเข้มข้น กลุ่มสันติธรรมชูสามสร้างฯรักษาแชมป์

นครปฐม-กลุ่มสันติธรรม ส่ง สมโชค พงษ์ขวัญ หรือรองหนึ่ง ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครนครปฐม เบอร์ 1 ที่ทำผลงานในการทำงานในฐานะรองนายกเทศมนตรีนครนครปฐม เข้าตาประชาชนเมื่อสมัยที่ผ่านมา เข้าสู่สนามครั้งนี้ถือเป็นการส่งต่อการทำงานให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและประสบการณ์พร้อมทำงานได้ทันที ถือเป็นการเข้าสู่การทำงานทางการเมืองในยุคใหม่อย่างชัดเจน ซึ่งได้วางนโยบาย 3 สร้าง สานต่อการพัฒนาเทศบาลนครนครปฐม เป็นกลยุทธในการมัดใจชาวบ้านเพื่อสานงานเก่าที่ได้วางรากฐานไว้แล้วและพัฒนาเมืองให้ทันการเติบโตด้วยยุคเมืองอัจฉริยะ โดยยังคงส่งผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครนครปฐม ครบ ทั้ง 4 เขต โดยได้รับหมายเลข 1-6 ซึ่งยังมีการผสมผสานเติมคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงเข้ามาสมทบ เพื่อเรียกคะแนนจากฐานเสียงให้ครบทุกกลุ่มอายุ ไม่ขายฝัน ทำได้จริงและแก้ปัญหาได้จริงหวังกลับเข้าสภาครบทุกเขตอีกครั้ง
สมโชค พงษ์ขวัญ หรือรองหนึ่ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศนตรีนครนครปฐม เบอร์ 1 ลุยลงพื้นที่หาเสียงพร้อมด้วยผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครนครปฐม ที่ได้รับเบอร์ 1 ถึง 6 ทั้ง 4 เขต ทันทีหลังจากได้เข้าสมัครรับเลือกตั้งตั้งแต่วันแรก โดยประธานสุนทร แก้วพิจิตร ตำนานนักการเมืองแห่งบ้านใหญ่แก้วพิจิตร ได้สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่ามีความเหมาะสม กับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการผ่องถ่ายสายเลือดใหม่ อีกครั้งหลังจาก นายเสรินทร์ แก้วพิจิตร อดีตนายกเทศมนตรีนครนครปฐม บุตรชายของประธานสุนทร ประกาศวางมือและผลักดันนายสมโชค รองหนึ่ง ชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครนครปฐม ในสนามนี้โดยได้โชว์ฝีมือในการทำงานในฐานะรองนายกเทศมนตรีนครนครปฐม มาเมื่อ 4 ปี ก่อนจนได้รับคำชื่นชมจากชาวบ้านและส่วนราชการในการประสานงานและวางวิสัยทัศน์ที่ไร้รอยต่อจนเป็นที่รู้กันว่า สมโชค หรือ รองหนึ่ง คือนักการเมืองรุ่นใหม่ที่น่าจับตาคนหนึ่ง
สมโชค หรือรองหนึ่ง เผยว่า นโยบาย "สามสร้าง สานต่อการพัฒนา เทศบาลนครนครปฐม" คือกุญแจสำคัญ ที่กลุ่มสันติธรรมนำมาใช้ในการประกาศความชัดเจนของการทำงานที่ผ่านมาและวางเป้าหมายในการทำงานอีกครั้งหากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง สร้างหนึ่งคือการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ด้วยการพร้อมดูแลอย่างทันท่วงทีและสอดคล้องกับความต้องการ สร้างสอง คือการสร้างความเข้มแข็งให้กับพี่น้องประชาชน สร้างโอกาสใหม่เช่นการพัฒนาและผลักดันกีฬาให้เป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับมืออาชีพ สร้างสาม คือการสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันและนำพาเทศบาลนครนครปฐม ให้นำสมัยด้วยเทคโนโลยีเพื่อเข้าสู่ "เมืองอัจฉริยะ"
รองหนึ่ง กล่าวว่า ในการลงพื้นที่หาเสียงครั้งนี้เราใช้วิธีการเดินลงหาเสียงเป็นทีมซึ่งจะประกอบด้วยตนเองและผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครนครปฐมทั้ง4 เขต เขตละ 6 คน ในการนำนโยบายต่างๆที่เป็นผลงานจากการทำงานของคณะทำงานชุดเก่าและยังรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนถึงปัญหาและข้อร้องเรียนต่างๆที่จะกลับมาสะท้อนถึงวิธีคิดและวิธีทำงานรูปแบบใหม่ให้คล่องตัวทันสมัยและเป็นรูปธรรมได้มากที่สุด ทั้งนี้ในส่วนของ ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลนครนครปฐมยมีการส่งคนรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติมสำหรับนำความคิดใหม่ รูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกับสังคมในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครปฐมที่กำลังเป็นชุมชนเมืองซึ่งเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญคือการเสนอผลงานที่เป็นรูปธรรม ทำงานได้ทันที และที่สำคัญคือการแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างชัดเจน ไม่ขายฝัน ซึ่งจุดแข็งคือการรู้ถึงปัญหาในพื้นที่ซึ่งได้เคยมีการวางระบบในการทำงานไว้แล้วหากได้รับไว้วางจากใจพี่น้องประชาชน
"ตอนนี้ถือว่าเรามีความพร้อมมากเพราะจากประสบการณ์ที่ท่านประธานสุนทร และครอบครัวแก้วพิจิตรและนายเสรินทร์ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครปฐม ได้วางรากฐานไว้ในการทำงานในทุกมิติ ถือเป็นจุดแข็งที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลนครปฐมยอมรับอยู่แล้วเมื่อวันที่สังคมได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านเทคโนโลยี สังคม การศึกษา การยกระดับในการทำงานให้เข้าสู่สังคมใหม่เรายังคงอนุรักษ์และสืบสานประเพณีอันดีงามเอาไว้ ให้อยู่ควบคู่กันจึงเป็นสิ่งที่ผมและกลุ่มสันติธรรมกำลังนำมาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุดและเกิดประโยชน์ที่สุดในชุมชน และผมเชื่อมั่นว่ากลุ่มสันติธรรมจะสามารถกลับเข้าสู่เทศบาลนครนครปฐมได้อีกครั้งเพราะเรามีทั้งผลงานและประสบการณ์รวมถึงแนวคิดใหม่ที่พร้อมจะนำมาเสนอให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงของการหาเสียงครั้งนี้" รองหนึ่งกล่าวปิดท้าย
การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครปฐม กลุ่มสันติธรรม จะยังคงเป็นตัวแปรหลัก ในพื้นที่เนื่องจากมีการทำงานในชุมชนมาอย่างยาวนานและเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงซึ่งนับจากนี้จะเป็นการวัดฝีมือว่าในการหาเสียงจะมีการนำนโยบายใดมาช่วงชิงคะแนนจากชาวบ้านได้โดยมีผู้สมัครจากพรรคประชาชนเป็นคู่แข่งโดยตรง ซึ่งเป็นที่จับตาว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหมดที่จะมาท้าชิงกับผู้ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเก่าจะนำพานโยบายหรือวิธีคิดแก้ปัญหาในพื้นที่มานำเสนอให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจในช่วงโค้งสุดท้ายได้อย่างไร