Travel Soft Power & Sport
มัดรวมบรรยากาศ5จว.ส่งท้ายสงกรานต์ บางแสนปิดถนน-ปราจีนฯคนเล่นนับหมื่น

ปราจีนบุรี-คนนับ10,000 แห่ส่งท้ายสงกรานต์แน่นยาวกว่า3กม.“สงกรานต์บ้านฉัน สุขสันต์ปราจีนบุรี 2568” ชลบุรี- ภ.จว.ชลบุรี ได้จัดทำสื่อแนะนำเส้นทางเลี่ยงการจราจรติดขัด บนถนนสุขุมวิทและถนนข้าวหลาม ในช่วงเทศกาลวันไหลบางแสน 16 - 17 เม.ย.68 จันทบุรี-สีสันของวันสงกรานต์จะมาพร้อมประเพณีขนทรายเข้าวัด ”เพื่อก่อพระเจดีย์ทราย” กาฬสินธุ์-คึกคักชาวกาฬสินธุ์ทำบุญใหญ่แห่ต้นดอกเงินรดน้ำขอพรเสริมมงคลปีใหม่ไทย กาฬสินธุ์-คึกคักชาวกาฬสินธุ์ทำบุญใหญ่แห่ต้นดอกเงินรดน้ำขอพรเสริมมงคลปีใหม่ไทย และ“ส.ส.หมู วิรัช พิมพะนิตย์” กาฬสินธุ์ เขต 1 ร่วมกับคณะสงฆ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนชาวตำบลลำปาว อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์งานประเพณีวันสงกรานต์ ปี 2568 สรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ สืบสานประเพณีอันดีงามของไทย
ปราจีนบุรีคนนับหมื่นสาดน้ำส่งท้ายสงกรานต์ปี68
ปราจีนบุรี :มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ณัฐนันท์-ภาพ เมื่อเวลา 20.35 น.วันนี้ 15 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี บรรยากาศส่งท้ายหยุดยาวสงกรานต์ที่บริเวณทางเข้าสวนปราจีนวนารมย์ ถนนราษฎรดำริ อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นสงกรานต์ยามเย็นจรดค่ำคืน ภายใต้ชื่องาน “สงกรานต์บ้านฉัน สุขสันต์ปราจีนบุรี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 -15 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 15.00 – 21.00 น. โดยจังหวัดปราจีนบุรีร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
พบประชาชนหนาแน่นกว่า 10,000 คน ยาวตลอดตลาดหน้าค่ายจักรพงษ์ถึงสี่แยกสัญญาณไฟแดงถนนราษฎรดำริเป็นทางยาวกว่า 3กม.เศษ โดยผู้มาเล่นสงกรานต์พากันอุปกรณ์เล่นสาดน้ำสงกรานต์บรรทุกใส่ท้ายรถกระบะ ,รถจักรยานยนต์ ตลอดจนเดินไหลเล่นสาดน้ำ ,ปะแป้งอย่างสนุกสนานส่งท้ายสงกรานต์จนชุ่มฉ่ำ ท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของ ตร.สภ.เมืองปราจีนบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี เพิ่มเติมถึงบรรยากาศสงกรานต์วันสุดท้ายพบที่วัดโคกมะกอก หมู่ 1 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี พุทธศาสนิกชนพากันร่วมทำบุญตักบาตรฟังธรรมจากนั้นถวายบังสกุลอุทิศส่วนกุศลให้ญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้วตามฌกฆเก็บกระดูกหรือตามกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ
ก่อนที่จะร่วมกันทำพิธีบวชพระเจดีทรายที่ก่อไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งนี้เป็นการสืบสานประเพณีที่มีมายาวนานแต่โบราณกาลโดยเชื่อว่าเมื่อเข้าวัดเหยียบดินทรายแล้วในช่วงสงกรานต์หรือปีใหม่ไทยจะร่วมขนดิน หรือทรายเข้าวัดแล้วร่วมก่อพระเจดีย์ทรายบวชเจดีย์แล้วทำพิธีถวายพระเจดีทรายก่อนจะเดินทางกลับที่ทำงานต่อไป
บางแสน-ชลบุรีประกาศ ปิดถนนบางแสน“วันไหล 68”
เพื่อความปลอดภัยและความสนุกสนานของงาน #วันไหลบางแสน68ตำรวจภูธรภาค 2 โดย สถานีตำรวจภูธรแสนสุข ขอแจ้งปิดการจราจรบางเส้นทาง ดังนี้:
ช่วงที่ 1 ปิดถนน 14 เม.ย. เวลา 18.00 น. - 18 เม.ย. เวลา 06.00 น.
ช่วงที่ 2 วันที่ 16 - 17 เม.ย. เวลา 11.00 - 24.00 น.
โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง วางแผนการเดินทางล่วงหน้า!เพื่อความสะดวกของทุกคน และลดปัญหาการจราจรติดขัดคลิปเส้นทางปิด + อินโฟกราฟิก 14 ภาพ ดูได้ที่โพสต์นี้
จันทบุรี-สีสันของวันสงกรานต์ ”ก่อพระเจดีย์ทราย”
กิตติพงศ์ คงคาลัย ผู้สื่อข่าว จ.จันทบุรี 15 เมษายน 2568ยามเช้าตรู ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่บ้านช้าง ข้าม หมู่ที่ 5 วัดช้างข้าม ตำบลช้างข้าม อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรีถึงแม้จะไม่เลือนหายแต่ก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ยุคสมัยเปลี่ยน อะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยน ยิ่งเป็นประเพณีด้วยแล้วย่อมเคลื่อนไหวไปตามกาลเวลา ถึงคนโบร่ำราณจะพยายามส่งต่อให้คนรุ่นหลังสานต่อประเพณีอันดีงาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า วันสงกรานต์ ในอดีตกับปัจจุบันนั้นช่างแตกต่าง กันมากมาย ถึงเพียงนี้
ซึ่งวันนี้พุทธศาสนิกชน ในเขตตำบลช้างข้ามและใกล้เคียงได้ร่วมกันมาทำบุญกันที่วัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่ออุทิศบุญกุศลนั้นให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองเนื่องในวันสงกรานต์และเป็นปีใหม่ของไทย และก็จะได้ร่วมกันก่อพระเจดีย์ทรายและประดับประดาไปด้วยเครื่องตกแต่งทั้งหลาย เต็มไปด้วยน้ำหอม น้ำอบเชยดอกไม้ธูปเทียนต่างๆรอบๆองค์พระเจดีย์ทราย เหล่าชาวพุทธที่รวมใจกันก่อสร้างเจดีย์ทรายที่สวยงาม พร้อมทั้งตกแต่ง องค์พระเจดีย์
ทั้งนี้การก่อพระเจดีย์ทราย เป็นหนึ่งในประเพณีที่นึกถึงวันสงกรานต์ก็จะมีมาควบคู่กัน เพราะเกิดขึ้นจากความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ก่อเจดีย์ทรายทำไมเพื่ออะไรประเพณีก่อพระเจดีย์ทราย ผูกโยงกับคติความเชื่อเรื่องเวรกรรมในพระพุทธศาสนา เชื่อว่าการก่อเจดีย์ทราย นำมาถวายวัดเพื่อนำเศษดินทรายที่ติดเท้าออกจากวัดไป มาคืนวัดในรูปของเจดีย์ทรายและเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเชื่อกันว่าจะได้อานิสงส์มาก คือจะไม่ตกนรกหลายร้อยชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเพรียบพร้อมด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ มีบริวารมากมายพรั้งพร้อมไปด้วยเกียรติยศและชื่อเสียง หากแม้ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ มีพรั่งพร้อมด้วยสมบัติ จึงทำให้คนโบราณนิยม “การก่อพระเจดีย์ทราย” ใน “วันสงกรานต์”และเป็นกุศโลบายให้คนในชุมชนรวมตัวกันได้พบปะสังสรรค์กัน เพื่อจัดประเพณีรื่นเริงเป็นการสร้างความสามัคคีของคนในชุมชนแต่ในบางพื้นที่เช่นภาคเหนือให้ความสำคัญกับการ การก่อเจดีย์ทราย อย่างมาก โดยชาวเหนือจะ การก่อพระเจดีย์ทราย กันตอนบ่ายของวันเนาหรือวันเน่า ตามตำนานเรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศลก่อพระเจดีย์ทราย 84,000 องค์ ถวายเป็นพุทธะ ธัมมะ สังฆะบูชา
นอกจากในแง่บุญกุศลของการ การก่อเจดีย์ทราย ในทางบาปกรรมตามความเชื่อของชาวเหนือก็เข้มข้นเช่นกัน ก็เพราะคนโบราณเชื่อว่า ทุกครั้งที่เดินเข้าวัดพุทธศาสนิกชนก็จะนำเม็ดทรายในวัดติดเท้าออกมาด้วยโดยไม่ตั้งใจ แต่หากไม่ขนทรายไปใช้แทน เมื่อตายไปจะเกิดเป็นเปรต เพราะคนล้านนาถือเรื่องสมบัติของสงฆ์ว่าเป็นของสูงของศักดิ์สิทธิ์ ใครจะลักขโมยหรือทำลายไม่ได้ เป็นบาปมหันต์ยิ่งนักประเพณีขนทรายเข้าวัด ด้วยการก่อพระเจดีย์ทราย ที่มีความเป็นมายาวนานเช่นกัน แต่ในอดีตจะเรียกกันว่า “ประเพณีก่อพระทรายน้ำไหล” ในช่วงวันทำบุญขึ้นปีใหม่ไทย ชาวบ้านจะนิยมก่อพระเจดีย์ทรายถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งจะจัดงานหลัง “วันสงกรานต์” ประมาณ 5 วัน และเชิงเทคนิคการ “การก่อเจดีย์ทราย” คือ การขนทรายมากองแล้วรดน้ำ เอาไม้ปั้นกลึงเป็นรูปทรงเจดีย์ หรือ ทำเป็นกรวยเล็กๆ ก่อให้ครบ 84,000 กอง เท่าจำนวนพระธรรมขันธ์ แล้วประดับประดาด้วยธงทิวและดอกไม้ให้สวยงาม
ซึ่งหลังจากก่อพระเจดีย์ทรายและจัดเตรียมบริขารเพื่อถวายพระ พระสงฆ์ก็จะพิจารณาบังสุกุล ทำบุญเลี้ยงพระ และเลี้ยงคนที่ร่วมงานด้วย เป็นประเพณีที่สนุกสนาน ในเทศกาลสงกรานต์ในอดีตนั้นวัดที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลองจะจัด “ประเพณีก่อพระทรายน้ำไหล” ขึ้น ด้วยการขุดลอกทรายที่น้ำฝนชะล้างไหลลงสู่แหล่งน้ำ ถือเป็นการขนทรายเข้าวัดให้ได้นำไปสร้างศาสนสถาน และพัฒนาท้องถิ่นโดยการร่วมแรงคนในชุมชนเพื่อร่วมขุดลอกเส้นทางน้ำให้สะอาด เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนน้ำฝนจะได้ไหลสะดวก
แต่ปัจจุบันสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ”การขนทรายเข้าวัด” เปลี่ยนเป็นซื้อทรายมาไว้ที่วัด ซึ่งวัดไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทรายในการสร้างศาสนสถานอย่างในอดีต และคูคลองที่ทรายเคยไหลรวมกันถูกตัดเป็นถนน งานก่อพระทรายน้ำไหลจึงเปลี่ยนผัน เรียกกันสั้นๆ เหลือเพียงแค่ “คำว่าวันไหล”
กาญจนบุรี-สงกรานต์ทต.ทองผาภูมิจับคน60+เด็กเรียกเสียงฮา
ญาณภัทร์ ศิลปะขจร กาญจนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.30 น.ของวันที่ 14 เมษายน 2568 ที่ลานท่าน้ำเทศบาลตำบลทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี นายศราวุธ ศรีทันดร นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลทองผาภูมิ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการจัดงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2568 โดยมี พ.ต.อ.ปริญญา ใคร่ครวญ ผกก.สภ.ทองผาภูมิ นายพันทกานต์ เจียจำรูญ รองนายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ นายอานุภาพ สมบูรณ์รองนายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ
พ.ต.ท.ธีรพรรดิ์ เพชรพิทักโยธิน ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ นางสาวพรพรรณ ปานอำพันธ์ เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ นางรัตนา บุญรอด ผู้อำนวยการกองคลัง รักษาราชการแทน ปลัดเทศบาลตำบลทองผาภูมิ นายเจษฎาภรณ์ เจริญเชื้อ หัวหน้าสำนักปลัดเทศบาล ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนมากมาย ที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้
สำหรับการจัดงานประเพณีสงกรานต์ครั้งนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 14-15 เมษายน 2568ช่วงเช้ามีกิจกรรมทำบุญตักบาตร ก่อเจดีย์ทราย ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ (ท่าน้ำเทศบาล)การเล่นสาดน้ำ ปะแป้งสืบสานประเพณี กิจกรรมเล่นเกมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน โดยในวันนี้ที่ 14 เมษายน 2568 ได้มีการแสดงจากเด็กนักเรียนโรงเรียนเทศบาลทองผาภูมิ ชมการแสดงจากชุมชน และร่วมรับประทานอาหาร พิธีมอบใบฝประกาศนียบัตรครอบครัวอบอุ่น
และในวันที่ 15 เมษายน 2568 เริ่มจากการทำบุญตักบาตร ณ วัดท่าขนุน คณะจัดงานพร้อมกันที่สำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิ เริ่มเคลื่อนขบวนแห่สรงน้ำพระพุทธรูปทองคำ จากสำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิไปถึงวัดท่าขนุน กิจกรรมก่อพระเจดีย์ทรายกิจกรรมทอดผ้าป่ามหาสงกรานต์ ประเพณีอุ้มพระสรงน้ำ เล่นน้ำปะแป้งสืบสานประเพณีสงกรานต์ ณ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ (ท่าน้ำเทศบาล ตำบลทองผาภูมิ)
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การแสดงของนักเรียนโรงเรียนเทศบาลทองผาภูมิ ก็เป็นไปอย่างสวยงาม แต่ผู้ร่วมงานต้องหัวเราะ ยิ้มแย้มกันอย่างแก้มปริ กับการแสดงชุดที่ 2 ของกลุ่มเด็กหญิงวัย 60+ ที่สร้างทั้งรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแบบกลั้นน้ำตากันไม่อยู่อีกด้วย
คึกคักชาวกาฬสินธุ์ทำบุญใหญ่รดน้ำขอพรปีใหม่ไทย
ชาวกาฬสินธุ์ทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเข้าวัดประชานิยม เมืองกาฬสินธุ์ สงฆ์น้ำพระขอพร พระธรรมวชิรนิวิฐ หรือหลวงตาบัวศรี พร้อมนำต้นดอกเงินแห่รอบพระเจดีย์ศรีมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ทำบุญเสริมมงคล พร้อมโรงทานไว้บริการชาวบุญในเทศกาลสงกรานต์รับขวัญปีใหม่ไทย
วันที่ 15 เมษายน 2568 ที่วิหารคตลานพระเจดีย์ศรีมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ วัดประชานิยม อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ สาธุชนชาวกาฬสินธุ์และศิษยานุศิษย์ ในองค์พระธรรมวชิรนิวิฐ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 (ธ) เจ้าอาวาสวัดประชานิยมทั่วทุกสารทิศ ทำบุญใหญ่เสริมมงคลแห่ต้นดอกเงินถวายพระสงฆ์เพื่อร่วมบุญปูพื้นกระเบื้องรอบพระเจดีย์ศรีมิ่งเมืองกาฬสินธุ์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่มีอานิสงค์สร้างความมั่นคงของชีวิตในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในศักราชปี 2568 หรือในวันปีใหม่ไทย ทั้งนี้ วันช่วงวันที่ 14 – 15 เมษายนของทุกปีวัดประชานิยมได้จัดงานวันบูรพาจารย์และเทศน์มหาชาติ ตามประเพณีชาวอีสานหรือบุญเดือนสี่เพื่อทำบุญอุทิศถวายมอบให้ให้กับผู้มีอุปการะคุณที่ได้ร่วมกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาร่วมก่อตั้งวัดประชานิยมที่ในอดีตเป็นป่าช้าประจำเมืองกาฬสินธุ์มาหลายร้อยปี
อย่างไรก็ตาม มีคณะศรัทธาพร้อมใจจัดตั้งโรงทานนำอาหาร คาวหวาน น้ำดื่มไว้ต้อนรับผู้ที่เดินทางจากทั่วทุกสารทิศ มีการตั้งเต็นท์จัดทำซุ้มสอยดาวโดยมีรางวัลเป็นจักรยาน เครื่องในครัวเรือนและรางวัลหลากหลายรูปแบบไว้ให้ทำบุญในราคาบัตรละ 20 บาท บรรยากาศเป็นไปด้วยความสุขยิ้มรับบุญรับโชคในเทศกาลสงกรานต์และวันปีใหม่ไทย
กาฬสินธุ์ส.ส.หมูวิรัชร่วมชาวตำบลลำปาวสรงน้ำพระ-รดน้ำผู้เฒ่าขอพร
ที่วัดประสิทธิ์ไชยาราม บ้านหนองสอ ต.ลำปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายวิรัช พิมพะนิตย์ หรือ “ส.ส.หมู” กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย เป็นประธานเปิดงานประเพณีวันสงกรานต์ ปี 2568 สรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ โดยมีพระครูสิทธิชยาภิวัฒน์ เจ้าคณะตำบลลำปาว เจ้าอาวาสวัดประสิทธิ์ไชยาราม คณะสงฆ์ พร้อมด้วยผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหนองสอ พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ บึงบัว สารวัตรสถานีตำรวจภูธรลำปาว ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหนองสอ ผู้อำนวยการโรงเรียนทุกแห่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้สูงอายุ และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
สำหรับกิจกรรมดังกล่าวเทศบาลตำบลหนองสอ ร่วมคณะสงฆ์ ผู้นำชุมชนและประชาชนจัดขึ้น เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามของไทยดังคำกล่าวที่ว่า "มรดกภูมิปัญญา ทรงคุณค่าคู่โลก"โดยจัดให้มีพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป สรงน้ำพระสงฆ์ และรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและอบอุ่น
ด้านนายวิรัช พิมพะนิตย์ หรือ “ส.สหมู” กาฬสินธุ์ เขต 1 กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นประเพณีวันขึ้นปีใหม่ของไทยมาแต่โบราณ เป็นประเพณีแห่งการแสดงความเคารพนบน้อมต่อบิดา มารดา ผู้ใหญ่ หรือผู้มีพระคุณ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที ของผู้น้อย และขอขมาลาโทษผู้สูงอายุที่เคยล่วงเกินผู้ใหญ่
อีกทั้งเป็นการขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ตนเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของความเป็นเอกลักษณ์ไทยได้อย่างชัดเจน โดยใช้น้ำเป็นสื่อในการเชื่อมสัมพันธไมตรี ซึ่งต้องขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดงานครั้งนี้ เพราะนอกจากร่วมกันสืบสานประเพณีอันดีงามของไทยและยังเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูญกตเวทีที่มีต่อผู้สูงอายุ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทยอีกด้วย