EDU Research & Innovation

วว.วิจัยพัฒนาประโยชน์สารสกัด'ใบเตย' เสริมสุขภาพระบบกระดูก/ข้อของผู้สูงวัย 



กรุงเทพฯ-กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมอาหารสุขภาพ (ศนอ.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เพิ่มมูลค่าสมุนไพร “ใบเตย” โดยการวิจัยและพัฒนาเป็น “สารสกัด” นำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ในระดับกึ่งอุตสาหกรรม เพื่อช่วยเสริมสุขภาพในระบบกระดูกและข้อ สำหรับสังคมก่อนและสูงวัยมุ่งเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค พร้อมเสริมแกร่งผู้ประกอบการด้วยผลงานมาตรฐานสากล

ผศ.ดร.วีรชัย  อาจหาญ   ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า  วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมอาหารสุขภาพ ดำเนิน “โครงการพัฒนาสารออกฤทธิ์เชิงหน้าที่สำหรับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ฟังก์ชัน เพื่อเสริมสุขภาพในระบบกระดูกและข้อ สำหรับสังคมก่อนและสูงวัย” ประสบผลสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา “ต้นแบบสารสกัดใบเตยจากการผลิตในระดับกึ่งอุตสาหกรรม”ที่มีประสิทธิภาพในระดับห้องปฏิบัติการต่อภาวะโรคเก๊าต์

“ใบเตย” มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pandanusamaryllifolius เป็นไม้ยืนต้นพุ่มเล็ก ขึ้นเป็นกอ ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ใบเป็นทางยาว สีเข้ม เป็นมันเผือก ขอบใบเรียบ​ ใบเตยมีสารเคมีธรรมชาติอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นฟลาโวนอยด์ สารจำพวกฟีนอล น้ำมันหอมระเหยไฟทอล และสควาลีน ซึ่งเป็นสารที่อาจเป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ในหลายๆ ด้าน

จากผลการทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดจากใบเตยหอมต่อการลดกรดยูริกในเลือดพบว่า เมื่อหนูทดลองได้รับสารสกัดจากใบเตยหอมที่ปริมาณ 500, 1000 และ 2000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวหนูเป็นระยะเวลานาน 14 วัน มีระดับกรดยูริกลดลง การขับทิ้งทางปัสสาวะเพิ่มขึ้น และมีไขมันในตับลดลง  มีความปลอดภัยทั้งการทดสอบแบบเฉียบพลัน (acute toxicity) และแบบกึ่งเรื้อรัง (sub-chronic toxicity)พบว่ามีค่า LD50 มากกว่า 2,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัวสัตว์ และมีเกณฑ์จําแนกความปลอดภัยตามระบบการจัดกลุ่มสารเคมี และการติดฉลากของวัสดุทดสอบตามหลักเกณฑ์ของ GHS ที่ระดับ 5 (Category 5) หรือ Unclassified ผ่านการผลิตในระดับกึ่งอุตสาหกรรม โดยใช้วัตถุดิบผงใบเตยเริ่มต้นที่ 30 กิโลกรัม ได้ร้อยละผลผลิตเท่ากับ 8.73 หรือ 2.62 กิโลกรัม มีปริมาณสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ 2AP (2-Acetyl-1-Pyrroline) อยู่ในช่วง 2.79-7.49 mg/kg โดยผ่านมาตรฐานการผลิตอาหารทั้งด้านจุลินทรีย์และโลหะหนัก

นอกจากการพัฒนาต้นแบบสารสกัดใบเตยดังกล่าวแล้ว  วว. ยังได้ต่อยอดการใช้ประโยชน์จากสารสกัด  โดยพัฒนาเป็น  “ต้นแบบผลิตภัณฑ์กัมมี่เยลลี่เสริมสารสกัดจากใบเตย”และยังได้เสริมน้ำมันงาดำสกัดเย็นซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีต่อระบบข้อในผลิตภัณฑ์และลดปริมาณน้ำตาลลงจากสูตรปกติด้วย จึงเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สะดวกต่อการพกพา และสามารถรับประทานได้ในระหว่างวัน เคี้ยวเพลิน ช่วยผ่อนคลาย

“...การพัฒนาและเพิ่มมูลค่าสารสกัดใบเตย เป็นหนึ่งในผลงานที่เป็นรูปธรรมของ วว.ตามกรอบการดำเนินงานขององค์กรในกลยุทธ์ที่ 1   S : Science Technology and Innovation  ที่มุ่งเร่งสร้างผลงานวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพี่อตอบโจทย์ประเทศ  ในขอบข่ายอุตสาหกรรมแห่งอนาคตด้านเกษตรและอาหาร  รวมทั้งสุขภาพและการแพทย์  โดย วว. พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนให้พี่น้องเกษตรกรและผู้ประกอบการต่อไป...”ผู้ว่าการ วว. กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับบริการจากศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมอาหารสุขภาพ วว. ติดต่อได้ที่ call center โทร. 0 25779000  หรือที่ระบบบริการลูกค้า “วว. JUMP”