In Bangkok
กทม.เข้มมาตรการความปลอดภัยโรงเรียน ในสังกัดรองรับเปิดภาคเรียนที่1ปี68

กรุงเทพฯ-นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมพร้อมมาตรการความปลอดภัยของสถานศึกษาในสังกัด กทม. เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568ว่ากทม. ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและโรงเรียนในสังกัดเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 และปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยของโรงเรียนในสังกัด กทม. ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานเขตและโรงเรียนตรวจสอบสภาพกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ภายในโรงเรียนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในโรงเรียนให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ตรวจสอบความสะอาด ความปลอดภัยของตู้น้ำดื่ม และการติดตั้งสายดินของเครื่องทำน้ำเย็น รวมทั้งตรวจสอบความพร้อมโครงสร้างของอาคารเรียน บ้านพักครูห้องเรียน เครื่องเล่นเด็ก ด้านสภาพแวดล้อม ความสะอาด
และวัสดุการเรียนการสอน โดยเฉพาะอาคารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวให้มีความปลอดภัย ผู้อำนวยการสถานศึกษาควบคุมดูแลและกำชับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนโดยเคร่งครัด สำนักอนามัยและโรงเรียนเตรียมความพร้อมด้านสุขาภิบาลอาหารก่อนวันเปิดภาคเรียนของสถานศึกษา ควบคุมดูแลการประกอบอาหารของแม่ครัว ความสะอาดของโรงอาหาร ภาชนะเครื่องใช้การจัดเก็บนมโรงเรียน การจัดเก็บอาหารสด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนในอาหาร จนเกิดโรคอุจจาระร่วงหรืออาหารเป็นพิษได้ พร้อมทั้งงดการจำหน่ายน้ำอัดลม อาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพนักเรียน สำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ เตรียมพร้อมสถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข มาตรการการเข้ารับวัคซีนทั้งผู้ปกครอง นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กทม. และผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในโรงเรียนสังกัด กทม.รวมถึงให้สำนักการจราจรและขนส่งตรวจสอบสัญญาณไฟกระพริบและทางม้าลายบริเวณหน้าโรงเรียนให้พร้อมใช้งานและประสานงานกับกรมเจ้าท่า ตรวจสอบท่าเทียบเรือเพื่อปรับปรุงให้มีความมั่นคงแข็งแรง ผู้อำนวยการสถานศึกษากำชับผู้ปกครอง หรือผู้ประกอบการรถตู้ที่ใช้รถตู้ในการรับ-ส่งนักเรียน ตรวจสอบภายในรถตู้ทุกครั้งเมื่อส่งนักเรียนที่โรงเรียนแล้ว โรงเรียนซักซ้อมความเข้าใจมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานศึกษาในสังกัด โดยห้ามมิให้บุคลากร นักเรียน ผู้ปกครอง และผู้มาติดต่อกิจธุระมีหรือครอบครองมีดหรือของมีคม สารเสพติดทุกประเภทที่กฎหมายระบุ มิให้มีการทำร้าย หรือรังแก จัดพื้นที่บริเวณโรงเรียนให้เป็นเขตปลอดอาวุธ และห้ามมิให้ผู้ใดใช้พื้นที่ของโรงเรียนโดยไม่มีเหตุอันควร
ขณะเดียวกัน โรงเรียนยังได้ดำเนินการตามกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้นักเรียนถือปฏิบัติ อีกทั้งสำนักเทศกิจ สำนักงานเขต และโรงเรียนในสังกัดยังดูแลการจราจรบริเวณหน้าโรงเรียน อำนวยความสะดวกให้นักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป รวมทั้งประชาสัมพันธ์การสวมหมวกนิรภัยเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมความพร้อมในการเข้าระงับเหตุที่อาจเกิดขึ้น เช่น เหตุเพลิงไหม้ หรือสาธารณภัยอื่น ๆ ในบริเวณโรงเรียนหรือสถานที่ใกล้เคียงสำนักงานเขต กำกับดูแลให้โรงเรียนในสังกัดดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องสำนักงานเขตประสานโรงเรียนในสังกัดจัดให้มีการซักซ้อม อบรม ชี้แจง ให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนในสถานศึกษาในการปฏิบัติตนเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ทุกภาคเรียน หรืออย่างน้อย 6 เดือน/ครั้ง เช่น การเอาตัวรอดจากอัคคีภัย แผ่นดินไหว การก่อการร้ายการให้ความรู้การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) เป็นต้น รวมทั้งกวดขัน ย้ำเตือน กำกับ ดูแล มาตรการรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนในสังกัดอย่างต่อเนื่องโรงเรียนจัดให้มีครูที่ปรึกษา ครูประจำชั้น ครูให้คำปรึกษา ครูแนะแนว หรือครูที่มีชื่อเรียกอย่างอื่นแต่ปฏิบัติหน้าที่ในทำนองเดียวกัน ตรวจตราสอดส่องดูแลนักเรียน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ให้มีความเข้มงวดและรัดกุม คอยดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่กำลังประสบปัญหา หรือที่มีความเสี่ยงว่าจะประสบปัญหา กรณีพบนักเรียนมีความจำเป็นเร่งด่วนให้ส่งนักเรียนเข้ารับการช่วยเหลือ โดยประสานศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ หรือโรงพยาบาลในพื้นที่
ขณะเดียวกัน สนศ. ยังได้ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กทม. อบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการพัฒนาศักยภาพการดำเนินการด้านการคุ้มครองเด็กของโรงเรียนในสังกัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็ก การปฏิบัติการคุ้มครองเด็กที่พึงได้รับการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพ เช่น การป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็ก พร้อมทั้งให้โรงเรียนในสังกัดดำเนินการชมรม TO BE NUMBER ONE ซึ่งมีกิจกรรมบริการให้คำปรึกษา บริการฝึกแก้ปัญหาพัฒนาEQ เรียนรู้ด้วยตนเอง และบริการจัดกิจกรรมสร้างสุขมีกิจกรรมศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เน้นการช่วยเหลือดูแลและพัฒนาสมาชิกให้มีคุณภาพและมีความสุข ภายใต้แนวคิด “ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา พัฒนา EQ” มีกิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความสามารถ และนักเรียนที่มีปัญหาได้มีที่พึ่งทางจิตใจ รวมทั้งมีกิจกรรมที่ช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบปัญหาสามารถแก้ปัญหาได้
นอกจากนี้ กทม. ได้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่น สำนักงานเขต สำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย และหน่วยงานภายนอกอื่น ๆ อาทิ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบและกรมควบคุมโรค ในการป้องกันการสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบในโรงเรียนสังกัด กทม. อย่างต่อเนื่อง โดยสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโทษและผลกระทบจากการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน บุคลากรทางการศึกษา ชุมชน และผู้ปกครองผลักดันให้มีการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในหลายระดับ ทั้งในเชิงการส่งเสริมการป้องกันอย่างจริงจังในโรงเรียนและในชุมชน ชุมชนและเครือข่ายผู้ปกครองร่วมกันตรวจตราอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในบริเวณรอบโรงเรียน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ใกล้เคียงโรงเรียน รวมถึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราตามจุดเสี่ยงที่อาจจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าใกล้โรงเรียน ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2568 กทม. จะส่งเสริมและสนับสนุนให้โรงเรียนในสังกัดขับเคลื่อนการสร้างแกนนำเยาวชน Gen Z ที่ไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโทษของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเพื่อนนักเรียน สามารถนำความรู้และกิจกรรมไปเผยแพร่ในชุมชนใกล้เคียง โดยจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่นเกมการให้ความรู้ผ่านสื่อการเผยแพร่สื่อความรู้ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า โดยเน้นย้ำให้เยาวชนตระหนักถึงอันตรายและสามารถปฏิเสธการยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ได้ โดยสร้างเครือข่ายแกนนำเยาวชน เพื่อให้สามารถขยายผลและสร้างการรับรู้ในวงกว้าง นำไปสู่ความร่วมมือกับโรงเรียนใกล้เคียงเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการไม่สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่