Health & Beauty

รีโว่เมดร่วมสวก.เปิดมิติใหม่ชูนวัตกรรม Organogelจากน้ำมันรำข้าวเพื่อสุขภาพ



กรุงเทพฯ-สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ได้จัดพิธีลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิผลงานวิจัยโครงการ “การผลิต Organogel จากน้ำมันรำข้าว ด้วยวิธีการแช่แข็งร่วมกับการดัดแปลงโครงสร้างของน้ำมัน” กับ บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด ผู้รับอนุญาตรายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรมสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามที่ได้รับเอกสิทธิในการต่อยอดเชิงพาณิชย์

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมของการผลักดันผลงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการสู่การใช้ประโยชน์จริงในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสุขภาพ ความงาม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นอีกหนึ่งประวัติศาสตร์ของการเชื่อมโยง งานวิจัยจากภาครัฐ – ผู้ประกอบการภาคเอกชน – ประชาชนผู้บริโภค อย่างเป็นรูปธรรม ที่จะนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูง เช่น มาร์การีนสุขภาพจากน้ำมันรำข้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบพื้นถิ่นของไทย ตอบรับกระแสผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความยั่งยืน

ด้าน สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) ได้เน้นบทบาทของการเป็น ตัวกลาง สำคัญที่ผลักดันให้ผลงานวิจัยไทยไม่หยุดอยู่แค่ในแล็บ แต่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้จริง โดยมีการให้เอกสิทธิ์เฉพาะแก่ บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด เพื่อใช้เป็นฐานในการสร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ

ดร.วาสนา อินทะแสง” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า REVOMED ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมงานวิจัยของนักวิจัยไทย โดยเฉพาะจากวัตถุดิบของประเทศเราเอง งานวิจัยอีกมากมายของไทย ที่เป็นของดี บางครั้งถูกเพิกเฉย Revomed ขอเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง และเป็นอีกหนึ่งฟันเฟือง ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรไทย ก้าวไปสู่ระดับ Global ได้อย่างเป็นรูปธรรม การได้รับสิทธิในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ผลักดันงานวิจัยจากห้องแล็บไปสู่ภาคธุรกิจได้จริง แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยอย่างน้ำมันรำข้าว และยังเปิดประตูให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามที่มีพื้นฐานจากวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม รองรับแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพคุ้มราคา ซึ่งถือเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างแท้จริงของอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและความงามของประเทศไทยในระยะยาว"

Organogel ที่พัฒนาขึ้นนี้ มีคุณสมบัติเด่นคือสามารถช่วยเพิ่มการซึมผ่านของสารเข้าสู่ผิวหนัง (Enhanced Penetration) ป้องกันการเสื่อมสภาพของสารออกฤทธิ์จากแสงและอากาศ รวมถึงสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ไร้น้ำ (Anhydrous) ซึ่งลดความจำเป็นในการใช้สารกันเสีย และยังต่อยอดในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและอาหารเสริม เพื่อใช้เป็นเบสในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและอาหารเสริม เช่น วิตามิน E, เรตินอล, CBD รวมถึงระบบนำส่งสารอาหารที่ไม่ชอบน้ำ (Lipophilic) อย่าง Omega-3, วิตามิน A, D, E, K และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

พิธีลงนามในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการนำ “องค์ความรู้จากการวิจัย” มาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับทรัพยากรภาคการเกษตร และก้าวไปสู่การปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพด้วยนวัตกรรมของคนไทย เพื่อมุ่งสู่การแข่งขันในตลาดโลกอย่างภาคภูมิ