In News
รัฐฯดันไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เพิ่มมูลค่าศก.สุขภาพ6.9แสนล.ในปี2568

กรุงเทพฯ-รองนายกฯ ประเสริฐ นั่งหัวโต๊ะคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เดินหน้าผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพกว่า 6.9 แสนล้านบาทภายในปี 2568
วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีผู้บริหารจากกระทรวงหลัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (พ.ศ. 2566–2577) โดยได้มีการรายงานผลการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมสุขภาพในมิติต่าง ๆ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบสุขภาพไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสุขภาพ (Health Economy) ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 6.9 แสนล้านบาท หรือ 3.39% ของ GDP ภายในปี 2568
รวมทั้งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบโครงการดำเนินงานกลุ่มหลักโดยคณะกรรมการ 6 คณะ ได้แก่ 1) Medical Service Hub 2) Wellness Hub 3) Product Hub 4) Academic Hub 5) Health Convention and Exhibition Hub 6) Facilitation of Health Service and Product Businesses
นอกจากนี้ ยังได้หารือกลยุทธ์สำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร การพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรม เช่น Advanced Therapy Medicinal Products (ATMPs) การยกระดับบริการสุขภาพเฉพาะทาง อาทิ เวชศาสตร์ความงาม การรักษาภาวะมีบุตรยาก (IVF) การแปลงเพศ และการส่งเสริมภูมิปัญญาไทย เช่น การแพทย์แผนไทย สมุนไพร และการนวดไทย
อีกทั้งที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Wellness and Medical Service Hub) ยังมีความเห็นว่า การขับเคลื่อนนโยบาย Wellness and Medical Service Hub อย่างเป็นระบบจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศ และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ เพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยอย่างยั่งยืน