Health & Beauty
โควิด-19กลับมาอีกสธ.เตือนกลุ่มเสี่ยง อย่าชะล่าใจแนะฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

กรุงเทพฯ-แม้หลายประเทศจะประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นและประชาชนคลายการ์ดกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติแล้ว แต่ล่าสุดโควิด-19 กลับมาสร้างความกังวลให้กับหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียอีกครั้ง เมื่อพบการติดเชื้อและผู้ป่วยมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยสะสม 108,891 ราย เสียชีวิต 27 ราย ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากและเสียชีวิตส่วนใหญ่คือกลุ่ม 608 และเป็นผู้สูงอายุสูงถึง 80% รวมถึงกลุ่มเด็กเล็ก และพบการระบาดในสายพันธุ์ XEC ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มาจากลูกหลานโอไมครอน ถึงอาการจะดูไม่รุนแรงแต่สามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็ว เสี่ยงต่อกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบาง แม้อัตราการเสียชีวิตจะน้อยลงแต่เป็นเรื่องที่เราต้องป้องกัน1
จากข้อมูลการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา ประเทศไทยยังพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคมีความสัมพันธ์กับกิจกรรมและการรวมกลุ่มของคนเป็นจำนวนมาก รวมถึงปัจจัยด้านฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน มีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งหากจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่แออัดหรือที่มีคนหมู่มาก ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ หากมีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์ นอกจากนี้ยังต้องป้องกันตนเองและระมัดระวังไม่นำเชื้อไปสู่กลุ่มเสี่ยง 608 ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง2
ด้านกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชารายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาถึงการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพียง 6 ราย หลังจากนั้นก็ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีรายงานผู้ป่วยหายดีแล้ว 1 ราย ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลตระหนักและเดินหน้ารณรงค์ให้บริการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันโควิด-19 ให้กับประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในชุมชน โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาได้ออกคำเตือนสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ให้เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยในคำเตือนระบุว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ (สายพันธุ์ JN.1) (COVID-19 Omicron) ในชุมชนต่าง ๆ กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาจึงแนะนำให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนกระตุ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ และส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปเข้ารับการฉีดวัคซีนทุก 6 เดือน รวมถึงผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ซึ่งสามารถรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นประจำได้ที่สถานพยาบาลของรัฐทุกแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลแห่งชาติและศูนย์บริการสุขภาพ รวมถึงผ่านกิจกรรมบริการด้านการดูแลสุขภาพเบื้องต้น
ยุค ซัมบัธ (Ms. Youk Sambath) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา กล่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุขเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในชุมชน เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์ JN.1 มีจำนวนเพิ่มขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน และในกัมพูชาเอง โดยขอร้องให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนตามคำแนะนำจากกระทรวงฯ และปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาให้ความสำคัญกับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปเป็นอันดับแรก เนื่องจากเด็กเหล่านี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปโรงเรียนหรือการเข้าร่วมกิจกรรมในที่ชุมชนบ่อยครั้ง จึงขอเชิญชวนผู้ปกครองพาบุตรหลานเข้ารับวัคซีน โดยผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนต้องฉีดให้ครบ ส่วนผู้ที่ฉีดไปแล้ว 1-2 เข็ม ควรฉีดวัคซีนกระตุ้นด้วย นอกจากนี้ บุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วยังควรได้รับวัคซีนเพิ่มเติม โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงยืนยันว่าการฉีดวัคซีนยังคงป้องกันอาการร้ายแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ JN.1 ได้3”
โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง รวมถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศต่าง ๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ยังไม่จบ โดยเฉพาะเมื่อประชาชนละเลย ลดการป้องกันตนเองลง ไวรัสก็เป็นสิ่งที่เข้ามาใกล้ตัวเราได้ง่าย หลายประเทศเริ่มกลับมาให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างใกล้ชิด สำหรับในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ยังคงเน้นย้ำถึงมาตรการป้องกัน โดยการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่แออัด หมั่นล้างมือบ่อย ๆ สังเกตตนเองหากมีอาการหรือป่วยควรตรวจด้วย ATK หรือหากมีอาการเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงอยู่ใกล้กลุ่ม 608 นอกจากนี้ยังได้เพิ่มการให้ข้อมูลและการสื่อสารในด้านสุขภาพสาธารณะ พร้อมเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนไทยเข้ารับวัคซีนกระตุ้นอย่างทั่วถึง เพื่อควบคุมการระบาดไม่ให้ลุกลามในวงกว้างอีกด้วย