Authority & Harm
เปิดอาณาจักร'หมอเตย'ยึดที่ดินวัด20ไร่ เป็นที่พักอาศัย/สนิทกับอดีตเจ้าอาวาส

นครปฐม-ยิ่งคุยยิ่งอึ้ง เปิดอาณาจักร หมอเตย และสามีอดีตจ่า ใช้ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ดินของวัดไร่ขิง พื้นที่กว่า 20 ไร่ เป็นที่พักอาศัยมานานนับปี โดยวันนี้เจ้าหน้าที่วัดได้ขอประสานเข้าไปบันทึกเก็บข้อมูลภายใน แต่ถูกลูกน้องและเจ้าตัวปฏิเสธไม่ให้เข้า ซึ่งชาวบ้านหลายคนบอกว่าพบมีการจัดงานปาร์ตี้หลายครั้ง ทั้งนี้วงในยังให้ข้อมูลกิจการร้านกาแฟ ทั้งสองสาขาของวัดไร่ขิง ได้ถูกคู่นี้ยึดทำกินมานานหลายปี โดยแนบแน่นกับนายแย้มมานาน และพยายามจะตัดวงจรให้นางสาวอรัญญาวรรณ ออกห่างจากอดีตเจ้าอาวาสหลังพบว่ามีเงินไหลออกจากระบบเป็นจำนวนมากแต่ไม่ทันการณ์ ชาวบ้านบอกให้เอาสองคนนี้ออกจากวัดจะทำให้บรรยากาศหายตึงเครียดไปอีกมาก
วันที่ 22 พฤษภาคม 68 ผู้สื่อข่าวติดตามบรรยากาศบริเวณรอบพื้นที่ วัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมหลายหน่วยงานได้ทำการสะสางปมปัญหาเส้นทางทางการเงินของ อดีตเจ้าคุณแย้ม หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า ซึ่งมีสัมพันธ์ในการยักยอกเงินจากวัดไร่ขิง ซึ่งพบมีเงินไหลเวียนที่ นางสาวอรัญญาวรรรณ ซึ่งมีเงินไหลเวียนจำนวนมากและถูกควบคุมตัวเพื่อทำการสอบสวนถึงแห่งที่มาที่ไปของเงินจำนวนมาก ที่ไปพัวพันกับเว๊บการพนันอออนไลน์ ซึ่งได้มีการแถลงข่าวความคืบหน้าและความชัดเจนของที่มาที่ไปในการติดตามจับกลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีประเด็นว่าฝ่ายหญิงได้มีการขู่แบล็คเมล์อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเพื่อขอเงินไปชำระหนี้ให้กับเว็บพนันกระทั่งความแตก
โดยนอกเหนือจากประเด็นที่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบ พร้อมหลายหน่วยงานได้แถลงความคืบหน้าไปแล้ววันนี้ทำให้เกิดประเด็นและตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับตัว หมอเตย และพันจ่าตรีฉัตรชัย สามี ซึ่งทั้งคู่เป็นคนสนิทและมีข้อมูลยืนยันว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินรายได้ของวัดไร่ขิง โดยยังมีอำนาจควบคุมและสั่งการในนายแย้มขณะเป็นเจ้าอาวาส ทำให้มีการทวงถามและสอบถามถึงการติดตามตัวและเงินที่ไหลไปอยู่กับสองสามีภรรยา ซึ่งเริ่มเป็นที่จับตาของสื่อมวลชนและกระแสสังคมในปัจจุบันนี้
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดตามข้อมูลของทั้งหมอเตย และพันจ่าตรีฉัตรชัย ที่บริเวณค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง หมู่ที่8 ตำบลท่าตลาด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีแหล่งข้อมูลระบุว่าทั้งคู่ได้อาศัยสถานที่ซึ่งเป็นที่ดินของวัดไร่ขิงอาศัยกบดานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวโดย มีพื้นที่กว้างกว่า 20ไร่ ซึ่งในช่วงที่ผู้สื่อข่าวได้ประสานกับทางเจ้าหน้าที่วัดไร่ขิง เพื่อขอบันทึกภาพและเก็บข้อมูลในพื้นที่ดังกล่าว ปรากฏว่าที่ด้านหน้าประตูได้มีการล็อคไว้อย่างแน่นหนาโดยมีกล้องวงจรปิดติดไว้ที่ด้านหน้าและทั่วบริเวณในพื้นที่ จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ของวัดได้โทรประสานงานเพื่อขอให้คนภายในเปิดประตูแต่จู่จู่ได้มีการรับโทรศัพท์และยกหูโทรศัพท์ให้หญิงคนหนึ่งซึ่งเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าเจ๊ แต่การสอบไม่เป็นผลเนื่องจากได้มีคำสั่งจากคนข้างในว่าไม่ให้มีการเปิดประตูเพื่อไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปติดตามบันทึกภาพภายใน โดยแหล่งข่าวแจ้งว่า เจ๊คนดังกล่าว ก็คือหมอเตย ที่อาศัยพื้นที่ดังกล่าว เป็นบ้านพักอาศัยนานนับปี และภายในพบว่ามีรถยนต์จอดอยู่ถึงหกคัน โดยหนึ่งในนั้นเป็นรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า อัลฟาร์ท สีขาว ที่นายแย้มเคยใช้ตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจำนวนรถทั้ง 23 คัน ที่เกี่ยวข้องกับวัดไร่ขิงตกเป็นชื่อของ หมอเตย น่าจะมีการโยกย้ายถ่ายเทออกไปในส่วนของนสยแย้มจนเกือบหมดแล้ว
นอกจากนี้จากการสอบถามแหล่งข่าวบริเวณใกล้เคียงได้บอกว่าทราบดีว่าพื้นที่นี้เป็นที่ดินของวัดไร่ขิง แต่ก็มีหญิง ชื่อหมอเตย และครอบครัวได้มาพักอาศัยและยกเลิกจากสถานที่ปฎิบัติธรรมซึ่งเคยมีพระสงฆ์สามเณรเข้ามาทำกิจกรรมที่นี่ ให้กลายเป็นสถานที่รกร้างและเงียบเหงา แต่จะมีการจัดเลี้ยงสังสรรค์มีการดื่มสุรา จัดดนตรีเป็นงานปาร์ตี้อยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่ทราบดีของคนในละแวกดังกล่าว แต่ก็ไม่มีใครที่จะกล้าร้องเรียนหรือนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งต่อหน่วยงานจนกระทั่งเกิดประเด็นการจับกลุ่มกระบวนการที่สร้างผลประโยชน์ในวัดไร่ขิงได้หลายคน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวณด้านหลังโรงพยาบาลสามพราน ซึ่งเป็นจุดที่ระบุว่าเป็นการก้าวเข้ามาใช้พื้นที่ของวัดไร่ขิงเมื่อหลายปีก่อน โดยจุดดังกล่าวจะเป็นสถานที่ที่เป็นพื้นปูนและมีบ้านน็อคดาวน์จัดเรียงไว้หลายหลังซึ่ง หมอเตย และสามี ได้ใช้สถานที่ดังกล่าวอยู่อาศัยแต่ต่อมาได้มีอำนาจมากขึ้นจึงได้มีการโยกย้ายออกไปที่ค่ายค่ายลูกเสือและนำรถยนต์รวมถึงทรัพย์สินหลายรายการของวัดไร่ขิงที่ได้จากอดีตเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาสหลายคนที่มรณภาพ ไปเก็บไว้เป็นของตนเอง และเป็นสิ่งที่คนในวัดต่างรู้สึกหนักใจและไม่กล้าพูดอะไรออกไปเนื่องจากยังเกรงใจบารมีของผู้เป็นเจ้าอาวาส
นอกจากนี้แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ได้ให้ข้อมูลว่าร้านกาแฟอินทณัฐ สาขา 2 ซึ่งตั้งอยู่ใต้อาคารปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรตฯ ด้านหลังโรงพยาบาลสามพราน ก็เป็นธุรกิจของหมอเตย ซึ่งขณะนี้ได้มีการปิดกิจการหลังจากมีกระแสข่าวบุกจับกุมนายแย้ม ทำให้ร้านมีความเงียบเหงาและทิ้งข้าวของเอาไว้อย่างกระจัดกระจาย และยังไม่มีใครเข้ามาดูแล ประกอบกับปัจจุบันกาแฟอินทณัฐ สาขา 1 และร้านค้าสวัสดิการวัดไร่ขิง ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพระอุโบสถ จุดตรงทางลงที่แม่น้ำท่าจีน ก็เป็นกิจการของ หมอเตย ที่ได้เข้ามาควบคุมและเปิดร้านโดยมีรายได้ในวันธรรมดา หนึ่งถึงสองหมื่นบาท แต่ในวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดยาวจะมีรายได้วันละนับแสนบาท รวมถึง บ้านดินอินทณัฐ ซึ่งมีจุดเลี้ยงปลาคาร์ฟ ก็เป็นธุรกิจ หมอเตยได้วางรากฐานเอาไว้มานานหลายปี ทำให้หลายคนสงสัยว่าเม็ดเงินจำนวนนี้ได้มีการจัดสรรดูแลอย่างไร
จากการตรวจสอบข้อมูลภายในบริเวณรอบโบสถ์ ยังพบว่าจุดที่ หมอเตย ได้มีส่วนเข้ามายุ่งและเกี่ยวข้องนั่นคือการเก็บสังฆทานที่ญาติโยมนำมาถวายที่ข้างโบสถ์ โดยทุกวันช่วงเวลาค่ำประมาณสองถึงสามทุ่มจะมีคนนำขึ้นรถกระบะขนถ่ายออกไปส่วนหนึ่งทราบว่าได้นำไปแจกจ่ายซึ่งเป็นส่วนน้อยแต่ส่วนที่เหลือจะมีการนำไปขายเป็นเงินซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นจุดที่เป็นเงินมหาศาลเพราะวันหนึ่งจะมีญาติโยมนำสังฆทานมาถวายเป็นจำนวนมาก
แต่ที่แหล่งข่าวหลายคนยืนยันตรงกันและทำให้น่าตกใจก็คือ กุมารอินทณัฐ ซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านหลังโบสถ์ โดยเป็นกุมารหนุ่มตั้งอยู่ตรงกลาง ประกบด้านข้างซ้ายขวากับกุมารพี่จุกและพี่แกละ ซึ่งสองกุมารดั้งเดิมเป็นกุมารที่อยู่คู่กับโบสถ์วัดไร่ขิงมาอย่างยาวนาน แต่กุมารอินทณัฐ คือกุมาร ที่หมอเตยได้อุปโหลกขึ้นมา และนำมาตั้งไว้ในบริเวณดังกล่าวจึงได้นำชื่อกุมารไปตั้งเป็นร้านกาแฟทั้งสองสาขา ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่หลายคนละอา แต่ไม่สามารถที่จะพูดได้เพียงแต่รอวันให้เรื่องดังกล่าวได้ถูกหยิบยกขึ้นมาในการจัดระบบภายในทั้งหมด
นอกจากนี้จากการสอบถามคนเก่าแก่ ที่ยังคงทำงานอยู่ภายในวัดไร่ขิงก็ได้ให้ข้อมูลตรงกันว่า ไม่ทราบว่าเหตุใดนายแย้ม จึงได้หลงเชื่อคำสั่งของ สองสามีภรรยาคู่นี้ ซึ่งถือว่ามีอิทธิพลมากกับการตัดสินใจสั่งการของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง โดยกระบวนการดังกล่าวถือว่ามีความยาวยาวนานมากกว่า นางสาวอรัญญาวรรณ เพราะมีความรู้รู้จักคุ้นเคยกับนายแย้มมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน และในช่วงหลังในช่วงยุคโควิด หมอเตย เริ่มทราบข่าวระแคะระคายเกี่ยวกับการเงินที่ไหลไปที่นางสาวอรัญญาวรรณ จึงได้มีการพยายามที่จะผลักดันและกดดันให้ขาดจากในแย้ม แต่สุดท้ายก็ไม่ทันการณ์เพราะเงินส่วนใหญ่ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลไม่น้อยได้ไหลไปที่สาวน้อยหน้าตาสวยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ส่วนรายได้หลักที่เป็นเงินสดและโยกไปเป็นทรัพย์สินเช่นรีสอร์ท ร้านกาแฟ ในจังหวัดต่างๆ นั้นมีมูลค่ามากเท่าใด ซึ่งคนวงในก็คาดหวังจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบทราบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของ หมอเตย และสามี ว่าได้มีการนำผลประโยชน์ของวัดออกไปแล้วเป็นจำนวนเท่าไหร่ และอยากให้มีการผลักดันทั้งคู่ไม่ให้เข้ามาข้องเกี่ยวกับวัดไร่ขิงอีกต่อไป ซึ่งหากทำได้ก็จะทำให้สถานการณ์บรรยากาศของวัดไร่ขิงอยู่ในความคลี่คลายหลังจากตึงเครียดมาแล้วเป็นสัปดาห์
ขณะเดียวกันยังพบว่าญาติโยมจากทั่วสารทิศยังไม่เสื่อมคลายในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อวัดไร่ ยังคงเดินทางเข้ามากราบไหว้และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวอย่างต่อเนื่องและเริ่มมีมากขึ้นเนื่องจากกระบวนการในการสอบสวนได้พบผู้กระทำความผิดและแยกความผิดตามลำดับให้เห็นอย่างชัดเจน โดยหลายคนหวังว่าอยากจะให้มีการสะสางปัญหาให้จบโดยเร็วซึ่งจะทำให้ญาติโยมกลับเข้ามาที่วัดไร่ขิงอีกจำนวนมหาศาลเช่นเดิม