Authority & Harm

เมืองไทยหรือจีน?ที่ปราจีนฯป้ายเกลื่อน ขึ้นภาษาจีนหราไม่แคร์สายตาคนไทย



ปราจีนบุรี-พบป้ายภาษาจีนนำพาต่างด้าวมาทำงานในประเทศเกลื่อนอีกแล้วท่ามกลางกระแสต้าน EEC. – ทุนจีนในปราจีนฯกระหึ่ม! หนักหน่วงมาต่อเนื่อง 

เมื่อเวลา 18.30 น.วันนี้  23 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี  ได้รับแจ้งผู้สัญจรไป – มา  ที่บริเวณริมถนนสายสุวินทวงศ์ (กบินทร์บุรี – ศรีมหาโพธิ) หรือถนนสาย  304 ฝั่งขาเข้าและขาออก  หน้านิคมไฮเทค อ.กบินท์บุรี เชื่อมเขตติดต่อกับ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ในย่านนิคมอุตสาหกรรม พบป้ายประกาศจำนวนหนึ่งปิดประกาศของบริษัทแห่งหนึ่งโดยมีข้อความระบุป้ายเป็นภาษาจีนข้อความว่า "บริษัทนำพาต่างด้าวมาทำงานในประเทศ" โดยข้อความเป็นภาษาจีนและมีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ

ซึ่งป้ายไวนิลขนาดใหญ่ถูกติดตั้งไว้บริเวณริมถนนสาย 304 ขาเข้าและขาออกจำนวน 2 ป้าย แต่ละป้ายพบว่ามีร่องรอยการนำป้ายมาติดใหม่ๆ โดยมีการตอกหลักมันคงแข็งแรง  ยังไม่ทราบว่าป้ายดังกล่าวนั้นถูกต้องตามกฎหมายแรงงานหรือไม่ ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาพบป้ายลักษณะดังกล่าวติดอยู่บริเวณริมถนนสาย 304 ตลอดทั้งสาย และ  ต่อมาส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ออกรื้อถอนป้ายดังกล่าวออกจากจุดบริเวณติดตั้งเพื่อตรวจสอบโดยทางเจ้าหน้าที่แขวงการทางปราจีนบุรี ได้ขับรถมาทำการรื้อป้ายออก หลังมีผู้ร้องเรียนที่กรมทางหลวง ทางตำรวจผู้บังคับกการตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรีเคยสั่งการให้ตรวจสอบ และทำการรื้อถอนทิ้งทั้งหมดมาแล้วช่วงต้นปี

นอกจากนี้ยังพบว่ามีป้ายลักษณะดังกล่าวติดไว้อยู่ริมถนนสาย 304 ห่างจากหน้านิคมอุตสาหกรรมไฮเทคขาเข้าอำเภอกบินทร์บุรีอีกจำนวน 1 ป้าย ซึ่งมีข้อความลักษณะเดียวกัน ทางประชาชน – ผู้สัญจรที่พบป้ายอยากให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบป้ายดังกล่าวที่นำมาติดตั้งไว้ริมถนนด้วยว่าเป็นของใคร  นำมาติดถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ทั้งนี้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ภาคประชาสังคม จ.ปราจีนบุรี  ได้มีแถลงการณ์หน้าศาลากลาง จ.ปราจีนบุรี และในโลกออนไลน์ ตามเพจ.-เฟชบุ๊ค ได้แสดงเจตนารมณ์ค้านการเสนอให้ปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ไม่เอาทุนจีนเทา พร้อมเรียกร้องให้ยุติการประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) โครงการจัดจ้างที่ปรึกษาจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขต EEC จนกว่าจะมีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) อย่างมีส่วนร่วมจากประชาชน 

โดย เครือข่ายปราจีนเข้มแข็งและภาคีเครือข่าย โดยมีมีแถลงการณ์เหตุ สำคัญ 7 ประการ  ดังนี้ 1. พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 หรือ EEC เป็นกฎหมายที่สร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างพลเมืองไทยกับนายทุนต่างชาติแบบสุดขั้ว ด้วยการสร้างมาตรการ ลด แลก แจก แถม ให้ทุนต่างชาติในหลายมิติ
2. เป็นกฎหมายที่เกิดในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คลช.) ที่อาศัยอำนาจพิเศษ (มาตรา 44ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557) อันเป็นกฎหมายที่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุดฉบับหนึ่ง
3. การบริหารงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ภายใต้กฎหมาย EEC ตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ถึงปัจจุบัน ถือเป็นความล้มเหลว โดยเฉพาะประเด็นการควบคุมและจัดการมลพิษ ขยะพิษ และกากอุตสาหกรรมอันตราย ที่ไม่สามารถกำกับควบคุมการจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกลายเป็นปัญหาเพิ่มหนักขึ้นดังปรากฎเป็นข่าวแทบรายวัน
4.กฎหมาย EEC กลายเป็นเครื่องมือเอื้อประโยชน์ให้เกิดธุรกิจสีเทา นำไปสู่การกระทำความผิดหรือการละเลยความรับผิดชอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศในด้านต่างๆ เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม สังคมวัฒนธรรม สิทธิชมชน จนทำให้คนท้องถิ่นดั้งเดิมกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง
5. การขยายพื้นที่ EEC มาจังหวัดปราจีนบุรี อ้างถึงเหตุผลทางเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง และมองมิติด้านฐาน
ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม พื้นที่การเกษตร และมิติทางด้านสังคมวัฒนธรรมเป็นเรื่องรอง โดย อธิบายว่าการพัฒนาต้องต้องยอมแลกกันบ้างเพื่อความเจริญ ทั้งที่ความเจริญเหล่านั้นไม่ได้เป็นของประชาชนในพื้นที่โดยตรง แต่เป็นของทุนต่างชาติมากกว่า
6. สำนักงาน EEC ต้องประเมินผลสัมฤทธิ์ของการใช้กฎหมาย EEC ตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เสียก่อน เพื่อให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียของกฎหมายที่ใช้มาแล้วมากกว่า 5 ปี ก่อนที่จะนำกฎหมายนี้มาใช้กับจังหวัด ปราจีนบุรี
7.ประชาชนชาวปราจีนบุรีต้องมีสิทธิ์ตัดสินใจต่ออนาคตของตนเอง ซึ่งเขาต้องได้รับคำอธิบายเนื้อหาของ กฎหมาย EEC ทุกมาตรา เพื่อได้เข้าใจถึงผลดีผลเสียของกฎหมายดังกล่าว ประกอบการตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมหรือ ไม่เข้าร่วม EEC

เหตุผลทั้ง 7 ข้อ เป็นข้อสังเกตเบื้องต้นจากเครือข่ายปราจีนเข้มแข็งและองค์กรภาคีเครือข่ายอื่นๆที่มากันในวันนี้หากเป็นเหตุผลมากพอที่จะบอกกับรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกว่าเราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ท่านจะนำจังหวัดปราจีนบุรีเข้าไปอยู่ในเขตพิเศษภายใต้กฎหมาย EEC จึงขอประกาศ "คัดค้าน" นโยบายนี้จนถึงที่สุด

จากนี้ไปพวกเราจะทำการสื่อสารรณรงค์ทุกรูปแบบเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจต่อประชาชนชาวจังหวัดปราจีนบุรีเห็นถึง "ภัยคุกคาม" ที่กำลังเข้ามาผ่านระบบและกลไกของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ทั้งนี้ พวกเรา จะประสาน กับกลุ่ม องค์กร ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ให้ออกมาส่งเสียงเรียกร้องและเคลื่อนไหวร่วมกันให้เป็นวาระประชาชนเพื่อ"หยุดขบวนการยกปราจีนให้กับนายทุนจีน" จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

มานิตย์   สนับบุญ - ข่าว /ทองสุข  สิงห์พิมพ์ - ภาพ  / ปราจีนบุรี