Biz news
บราเดอร์ชี้โควิดโจทย์หินธุรกิจไอทีไทย รอดไม่รอดอยู่ที่การปรับ
บราเดอร์ ชี้ โควิด-19! โจทย์หินธุรกิจไอทีไทย ‘รอดไม่รอด’ อยู่ที่ศักยภาพการปรับตัวจับตา ‘แผนกระจายวัคซีน’ หัวใจหลักฟื้นคืนความเชื่อมั่นทั้งไทยและต่างชาติ
กรุงเทพฯ-บราเดอร์ พร้อมรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ เผยเทรนด์ WFH และการเรียนการสอนแบบออนไลน์หนุนธุรกิจเครื่องพิมพ์ขยายตัวต่อเนื่อง เดินหน้าพัฒนาศักยภาพทีมงานพร้อมก้าวต่อไปให้ดียิ่งกว่าหากวิกฤติเริ่มคลี่คลาย มั่นใจหากแผนการกระจายวัคซีนของภาครัฐเป็นไปตามเป้า จะส่งผลให้ 3 เส้นเลือดหลัก ‘ส่งออก-ท่องเที่ยว-การบริโภคภายในประเทศ’ กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจไทยและภาคธุรกิจไอที
นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมาตั้งแต่ปี 2563 แม้ภาครัฐพยายามจะกระตุ้นด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ แต่เมื่อวิกฤติโควิด-19 ยังยืดเยื้อ ก็ถือเป็นความท้าทายที่ยากในการรับมือ ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจจะกลับมาเดินหน้าได้ 3 กลไกหลัก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมการส่งออก, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และความแข็งแกร่งของกำลังซื้อในประเทศต้องเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว แต่ปัจจุบันมีเพียงกลุ่มอุตสาหกรรมการส่งออกที่เริ่มมีการขับเคลื่อนได้เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศที่เริ่มจัดการกับผลกระทบจากโควิด-19 ได้ดีขึ้น อาทิ อเมริกา จีน และประเทศในทวีปยุโรป ด้านความพยายามส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวด้วยการพัฒนาโมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพื่อหวังกระจายโมเดลดังกล่าวไปตามจังหวัดหลักด้านการท่องเที่ยวก็อาจไม่คึกคักอย่างที่คาด รวมถึงการอัดเม็ดเงินสู่ระบบเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศครั้งใหม่นี้ ก็ยังไม่สามารถส่งผลได้อย่างชัดเจน ซึ่งต่างจากการจัดแคมเปญช้อปดีมีคืนที่สร้างความคึกคักให้แก่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หากภาครัฐนำแคมเปญดังกล่าวกลับมาใช้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศได้อย่างดี
“เศรษฐกิจในภาพใหญ่และธุรกิจไอทีของไทย จะกลับมาเดินต่อได้อย่างมีเสถียรภาพ แผนการกระจายวัคซีนของภาครัฐต้องทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เพื่อคืนความเชื่อมั่นให้แก่ทุกภาคส่วน” นายธีรวุธ กล่าวแสดงความเห็น “แม้ธุรกิจไอทีจะมีข้อได้เปรียบจากกระแส Work from Home และการเรียนออนไลน์ ที่ทำให้ความต้องการในตลาดขยายตัวในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เห็นได้จากการเติบโตในกลุ่มลูกค้า home use ของบราเดอร์ แต่สิ่งที่ต้องบริหารจัดการและวางแผนอย่างรอบคอบคือ แผนการผลิตและการจัดหาชิ้นส่วนให้เพียงพอต่อการผลิต รวมทั้งเตรียมการณ์ล่วงหน้าในกรณีเกิดการล็อกดาวน์ในบริเวณโรงงานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนสินค้าเพื่อป้อนสู่ตลาด ที่ผ่านมาหลายๆธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไอทีต้องเผชิญกับปัญหาโรงงานไม่สามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด แต่เชื่อว่าภายในสิ้นปี 2564 จะสามารถปรับสู่ภาวะสมดุลระหว่างดีมานด์และซัพพลายได้อีกครั้ง”
ทั้งนี้ นายธีรวุธ ยังกล่าวถึงแผนการปรับตัวของ บราเดอร์ ว่า “บริษัทฯ มีการปรับแผนธุรกิจอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ให้ความสำคัญต่อการบริหารค่าใช้จ่ายภายในองค์กรเพื่อบริหารต้นทุน และการเสริมศักยภาพการทำงานของบุคลากรรวมถึงปรับกระบวนการทำงานภายในและปรับองค์กรเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน คิดค้นวิธีการทำตลาดใหม่ เพื่อให้พร้อมเดินต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น เพราะถ้ารอให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นแล้วค่อยปรับตัวก็ช้าไปแล้ว”