ECO & ESG
'ทับลาน'โชว์คลิปภาพสัตว์ป่านานาชนิด 'เสือโคร่ง-ช้างป่า-หมี-ไก่ป่า'

ปราจีนบุรี-รายงาน “ทับลาน” โชว์คลิปภาพสัตว์ป่านานาชนิดเสือโคร่ง ช้างป่า หมี ไก่ป่า ที่กล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่าบันทึกไว้ได้ ที่โป่งเกลือทุ่งหญ้าบริเวณ ผาเม่น ทุ่งหญ้าแหล่งอาหารสัตว์ป่า1ในข้อบ่งชี้แก้ปัญหาช้างป่าเข้าทำลายพืชผลทางการเกษตรของราษฎรที่มีพื้นที่รอบขอบพื้นที่ป่าอนุรักษ์หลังปรับปรุงพื้นที่ติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า (Camera Trap) บริเวณแหล่งอาหาร และแหล่งน้ำ พบสัตว์ป่าชนิดต่างๆเข้ามาใช้ประโยชน์ ระบุเป็นบ่งชี้ว่า งบประมาณที่ได้มาจากงบจังหวัด งบภาค ไม่ได้ศูนย์เปล่า เป็นการแก้ที่เหตุของปัญหา …
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี พบเพจ.โดยผู้ใช้ชื่อ Sartra SForester (นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน)ได้โพสต์คลิปภาพที่บันทึกได้จากกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า (Camera Trap)ทำการถ่ายภาพสัตว์ป่าหลากหลาย ทั้งไก่ป่า หมีป่า เสือโคร่ง โขลงช้างป่าที่มาหากินอาหาร-ดินโป่ง (โป่งเกลือ) พร้อมระบุขอความว่า
รู้สึกขอบคุณที่ อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันก่อน……ณ โป่งไก่ตามล่าหมี แล้วพี่ลายก็ตามไป โป่งเกลือจากน้ำมือมนุษย์ ที่มักถูกถามว่า ทำแล้วได้ผลจริงอ่ะ? ทำแล้วมีสัตว์ป่ามาใช้ได้จริงรึ? เอางบเอาตังค์ไปทิ้งไว้กลางป่าเสียป่าว? ไปจ้างคนไล่ช้างกลับป่าดีกว่าไหม? พระมักสอนว่า….การจะแก้ปัญหาได้จริง ต้องแก้ที่ "ปม" หรือ "สาเหตุที่แท้จริง" ของปัญหา ไม่ใช่แค่แก้ไขผลกระทบที่เห็นได้ ซึ่งมันจะทำให้ต้องคอยแก้แบบไม่มีหนทางจบสิ้นปัญหา ช่วยกันเถอะ ทุกทาง ทุกมิติที่ดีมีเหตุผล แต่อย่าทิ้งการแก้ที่เหตุของปัญหา … ฯลฯ ...
เมื่อชุมชนและธรรมชาติร่วมมือกัน ปกป้องมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศไทย แสงแห่งความหวังใหม่เริ่มฉายชัดในผืนป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน พื้นที่ยุทธศาสตร์ในอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี (ที่โป่งเกลือทุ่งหญ้าบริเวณ ผาเม่น ) เมื่อกล้องดักถ่าย (Camera Trap) บันทึกภาพสัตว์ป่าใช้ชีวิตในถิ่นอาศัยที่ได้รับการฟื้นฟู พื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใน "เขตแกนกลาง" ของแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติลำดับที่สองของประเทศไทย และกำลังกลายเป็นสัญลักษณ์ความก้าวหน้าในความพยายามจัดการความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า
สัตว์ป่าปรากฏตัวและใช้ประโยชน์ในบริเวณที่ได้รับการปรับปรุงแหล่งอาหารสัตว์ป่า ทั้งในด้านแหล่งอาหารและแหล่งน้ำธรรมชาติ อีกทั้งพื้นที่นี้ยังเป็นจุดดำเนินการ "ชิงเผา" ซึ่งเป็นมาตรการเชิงป้องกันเพื่อลดความรุนแรงของไฟป่าในฤดูแล้ง การชิงเผายังช่วยฟื้นฟูทุ่งหญ้าให้กลับมาเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่า และควบคุมปรสิตที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์ได้อีกด้วย
การใช้ประโยชน์สัตว์ป่าในพื้นที่ฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่า (Wildlife Recovery Area) นี้ เป็นผลลัพธ์เชิงบวกของการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ ภายใต้แผนบริหารจัดการความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า โดยกระบวนการมีส่วนร่วม เพื่อเปลี่ยนความขัดแย้งสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ (HWC C2C – Conflict to Co-existence ) ที่นำโดยอุทยานแห่งชาติทับลาน เป้าหมายหลักของแผนคือการลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า ควบคู่กับการฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศ ผ่านกระบวนการจัดการที่ยืดหยุ่น และเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นมา WWF ประเทศไทย เป็นพันธมิตรหลักในการขับเคลื่อนแผน C2C ลงสู่ระดับพื้นที่ ร่วมกับองค์กรพันธมิตรภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม โดยมีชุมชนรอบผืนป่าทับลานใน 4 อำเภอ ของจังหวัดปราจีนบุรี และ นครราชสีมา ร่วมเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย "อยู่รอดทั้งคนและสัตว์ป่า – Safeguarding Wildlife & Humans"เพราะเมื่อธรรมชาติฟื้นตัวได้ มนุษย์ก็อยู่ได้
เรากำลังร่วมกันสร้างอนาคต ที่คนกับสัตว์ป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลานมรดกโลก ( ในพื้นที่รอยต่อ 2 จังหวัด จ.ปราจีนบุรี จ.นครราชสีมา ) กล่าวว่า จากที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ประสบปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะปัญหา “ช้างป่า” เข้าทำลายพืชผลทางการเกษตรของราษฎรที่มีพื้นที่เพาะปลูกอยู่บริเวณรอบขอบพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายแก่พืชผลอาสินตลอดจนทรัพย์สินและชีวิตของราษฎร และ บางกรณีก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตของช้างป่าเช่นกัน
ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนที่ก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าวเกิดจากปริมาณพืชอาหารสัตว์ป่าในป่าไม่เพียงพอ โดยเฉพาะทุ่งหญ้า ซึ่งเป็นพื้นที่อาหารสำคัญของช้างป่าที่มีไม่เพียงพอกับปริมาณความต้องการของสัตว์ป่าในพื้นที่ จากปัญหาดังกล่าว อุทยานแห่งชาติทับลานได้จัดตั้งเครือข่ายพันธมิตร ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า “ C2C- POWER of ThapLan “
โดยเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการ อุทยานแห่งชาติทับลาน (TLNP) ศูนย์ช่วยเหลือประชาสัตว์จากเหตุการณ์ด้านสัตว์ป่า (DNP-PAWIC) สถานีวิจัยสัตว์ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (DPKY-WRS) ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ นครราชสีมา (N-NPRC) องค์การบริหารส่วนส่วนถิ่น (LAO) กรมการปกครอง (DOPA) เกษตรอำเภอ (DAEO) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (PAO) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องคการมหาชน) (พอช.) องค์กรเอกชน และภาคประชาสังคม องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF Thailand) สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักงานประเทศไทย (WCS Thailand) สมาคมธรรมชาติและสัตว์ป่า (NWA) มูลนิธิฟรีแลนด์ (FF) เพจผ้าขาวม้าติ่งป่า สนับสนุนอุทยานแห่งชาติทับลานผ่าน เฟสบุ๊คเพจ Save Thap Lan (PKMT) สมาคมอุทยานแห่งชาติ (NPAT) สมาคมอนุรักษ์ป่ามรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (DoK-WHA) เครือข่ายสงฆ์เพื่อสัตว์ป่า (NMWC) เครือข่าย POWER of ThapLan (Public-Private Partnership Offering for Wildlife and Ecosystem Resilience) สถาบันการศึกษา วิทยาลัยนานาชาติเพื่อศึกษาความยั่งยืน (SWUIC) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
นอกจากการจัดการและการแก้ไขปัญหาช้างป่า ที่ดำเนินงานโดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยังมีหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนและดำเนินการ เพื่อแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่อนุรักษ์ ดังนี้
1. จังหวัดปราจีนบุรี ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาช้างป่าในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยมี การบูรณาการการทำงานของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรีและองค์กรเอกชนที่ดำเนินงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากร เพื่อป้องกันไม่ให้ช้างป่าออกมาทำลายทรัพย์สินหรือพืชผลทางการเกษตร ของประชาชน มีการกำหนดมาตรการในการป้องกันช้างป่าถูกทำลายหรือถูกล่าจากการกระทำของมนุษย์
2. จังหวัดนครราชสีมา ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาช้างป่าในท้องที่จังหวัดนครราชสีมา โดยมีการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในท้องที่จังหวัดนครราชสีมาและองค์กรเอกชนที่ดำเนินงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากร เพื่อป้องกันไม่ให้ช้างป่าออกมาทำลายทรัพย์สิน หรือพืชผลทางการเกษตร ของประชาชน มีการกำหนดมาตรการในการป้องกันช้างป่าถูกทำลายหรือถูกล่าจากการกระทำของมนุษย์
3. สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) ประเทศไทย ได้เข้ามาสนับสนุนด้านการปฏิบัติ งานด้านการลาดตระเวนเชิงคุณภาพป้องกันพื้นที่ เพื่อรักษาถิ่นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมของช้างป่าและสัตว์ป่าไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลงมีการเปลี่ยนแปลง หรือลดน้อยลงโดยมีการสนับสนุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการลาดตระเวน ดังนี้
- สนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการลาดตระเวนให้กับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนทั้ง 19 ชุด
- สนับสนุนกล้องดักถ่ายภาพแบบเรียลไทม์ (Network Centric Anti-Poaching
- สนับสนุนงบประมาณในการปรับปรุงทุ่งหญ้าสำหรับเป็นแหล่งอาหารสัตว์ป่า
- สนับสนุนงบประมาณในการออกพื้นที่เฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า
- สนับสนุนงบประมาณการทำประกันอุบัติเหตุให้แก่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนทั้ง 19 ชุด
System- NCAPS)
4. มูลนิธิ FREELANDได้เข้ามาสนับสนุนงานมวลชนสัมพันธ์ในการร่วมแก้ไขปัญหาช้างป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ตลอดจนการให้ความรู้เรื่องช้างป่าแก่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน
และกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า อุทยานแห่งชาติทับลาน ดังนี้
- สนับสนุนอุปกรณ์สำหรับการลาดตระเวนให้กับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน
- สนับสนุนอุปกรณ์สำหรับงานศึกษาวิจัยสัตว์ป่า (การตั้งกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า)
- จัดการฝึกอบรม ให้ความรู้ในเรื่องนิเวศวิทยา พฤติกรรม และการผลักดันช้างป่าแก่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ และกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า
5. องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF)องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ได้เข้ามาสนับสนุนงานมวลชนสัมพันธ์ในการร่วมแก้ไขปัญหาช้าป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตลอดจนการให้ความรู้เรื่องช้างป่าแก่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า อุทยานแห่งชาติทับลาน ดังนี้
- สนับสนุนอุปกรณ์สำหรับการลาดตระเวนให้กับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน
- จัดการฝึกอบรม ให้ความรู้ในเรื่องนิเวศวิทยา พฤติกรรม และการผลักดันช้างป่าแก่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ และกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า
- มอบอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ระบบตรวจจับความร้อน DJI Mavic 3 Thermal
Enterprise เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า
6. เพจผ้าขาวม้าติ่งป่า สนับสนุนอุทยานแห่งชาติทับลานผ่าน เฟสบุ๊คเพจ Save Thap Lan (PKMT) ได้เข้ามาสนับสนุนด้านประชาสัมพันธ์ในการร่วมแก้ไขปัญหาช้าป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตลอดจนการให้ความสนับสนุนอุปกรณ์แก่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า อุทยานแห่งชาติทับลาน
7. เครือข่ายพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ เครือข่ายสงฆ์รักสัตว์ป่า เครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้อาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.อส) โดยเป็นการจัดตั้งเครือข่ายของชุมชนโดยรอบที่ประสบปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ โดยสนับสนุนงานด้านการผลักป้องกันและผลักดันช้างป่าโดยรอบพื้นที่ อุทยานแห่งชาติทับลาน
โดยใช้หลักการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์ ภายใต้แผนบริหารจัดการความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า โดยกระบวนการมีส่วนร่วม เพื่อเปลี่ยนความขัดแย้งสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ (HWC C2C – Conflict to Co-existence ) ที่นำโดยอุทยานแห่งชาติทับลาน เป้าหมายหลักของแผนคือการลดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า ควบคู่กับการฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศ ผ่านกระบวนการจัดการที่ยืดหยุ่น และเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน
ได้มีการบรูณาการปรับปรุงพื้นที่ทุ่งหญ้าบริเวณ ผาเม่น ตำบล ทุ่งโพธิ์ อำเภอ นาดี จังหวัดปราจีนบุรี โดยใช้วิธี “ ชิงเผา” ซึ่งเป็นมาตรการเชิงป้องกันเพื่อลดความรุนแรงของไฟป่าในฤดูแล้ง การชิงเผายังช่วยฟื้นฟูทุ่งหญ้าให้กลับมาเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่า รวมทั้งสร้างแหล่งอาหารและแหล่งน้ำบริเวณโดยรอบ
และ ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ได้มีการติดตั้งกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า (Camera Trap) บริเวณแหล่งอาหาร และแหล่งน้ำ เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานการเข้าใช้ประโยชน์ของสัตว์ป่า โดยพบว่า มีสัตว์ป่าชนิดต่างๆเข้ามาใช้ประโยชน์ เช่น เสือโคร่ง ช้างป่า หมี และไก่ป่า เป็นต้น ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่า งบประมาณที่ได้มาจากงบจังหวัด งบภาค ไม่ได้ศูนย์เปล่า เนื่องจากแบบมีสัตว์เข้ามาใช้ประโยชน์อยู่ ผลจากร่องรอย ภาพจากกล้อง ยืนยันว่ามีสัตว์เข้ามาใช้ประโยชน์นะบริเวณดังกล่าวจำนวนมาก ดักล่าว
มานิตย์ สนับบุญ /ปราจีนบุรี