In News

รัฐฯฟุ้ง!ผลงาน6เดือนในด้านเกษตรกรรม หลายโครงการสำเร็จ-คืบหน้าต่อเนื่อง



กรุงเทพฯ-รัฐบาลชูผลงาน 6 เดือน "ด้านเกษตร" หลายโครงการสำเร็จ และคืบหน้าต่อเนื่อง เพื่อคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย และระบบเศรษฐกิจของประเทศ

วันนี้ (31 พฤษภาคม 2568) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานผลงานความสำเร็จของโครงการต่าง ๆ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์แก่พี่น้องชาวเกษตรกรโดยตรง ตามนโยบายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องการลดอุปสรรคการทำการเกษตร ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่เกษตรกรให้ดีขึ้น รวมทั้งการเดินหน้าเจรจากับตลาดต่างประเทศ เพื่อหาตลาดรองรับการส่งออกผลิตภัณฑ์เกษตรไทย นายอนุกูลกล่าวต่อว่า สำหรับผลงานไฮไลต์ ที่ผ่านมา อาทิ การจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชนแล้ว 6,101 แห่ง มอบโฉนดเพื่อการเกษตร 54,566 แปลง โดยเป็นโฉนดต้นยาง 10,161 แปลง สำหรับการบริหารน้ำ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเกษตรนั้น สามารถบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งในพื้นที่ชลประทานทั่วประเทศ 29,578 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา จัดสรรน้ำรวม 9,902 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งสามารถสนับสนุนกิจกรรมกา อุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีพื้นที่ในเขตชลประทานประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ และสำหรับการเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 67/68 นายอนุกูลกล่าวเพิ่มว่า ส่วนการเปิดตลาดส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปตลาดต่างประเทศต่าง ๆ นั้น ก็มีความคืบหน้าและประสบความสำเร็จ เช่น

1. ดำเนินการยื่นคำขอเปิดตลาดส่งออกสินค้าพืช 3 รายการ (อยู่ระหว่างรอผลพิจารณาจากประเทศคู่ค้า) ได้แก่ ใบชาแห้งไปยังสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ใบกระท่อมแห้งไปยังสาธารณรัฐอินเดีย และผลลำไยสดไปยังสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เป็นต้น 2. ตั้งห้องปฏิบัติการตรวจสอบสาร Basic Yellow 2 (BY2) สำหรับทุเรียนส่งออกที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) แล้วจำนวน 12 แห่ง และห้องปฏิบัติการทดสอบสินค้าเกษตร และอาหารด้านพืชที่กรมวิชาการเกษตรยอมรับความสามารถในรายการทดสอบแคดเมียมในทุเรียน 13 แห่ง 3. การเปิดตลาดส่งออกไก่พื้นเมืองมีชีวิต (Ayam Bangkok) ไปยังสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะมีปริมาณการส่งออกไม่ต่ำกว่า 12,000 ตัว คิดเป็น 4. การเปิดตลาดส่งออกสินค้าปลากะพงขาวไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ถือเป็นความสำเร็จสร้างโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย โดยมีเป้าหมายในการส่งออก 50,000 ตัน/ปี

นอกจากนี้ กษ. ยังตระหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อม จึงได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดมลพิษ อาทิ จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อบรรเทาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) 10 หน่วย ซึ่งขึ้นปฏิบัติการ 145 วัน (ระหว่าง 2 ธ.ค. 67 - 30 เม.ย. 68) รวม 2,690 เที่ยวบิน ส่งเสริมการไถกลบและผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสามารถลดการปล่อย CO2 ได้ 12,233 ตัน ลดการเกิดฝุ่นละออง PM10 ได้ 126.31 ตัน และลด PM2.5 ได้ 114.76 ตัน รวมทั้งการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร ส่งผลให้จุดความร้อน (Hotspot) พื้นที่เกษตรในประเทศไทย ระหว่างเดือน ม.ค. - เม.ย. 2568 เหลือจำนวน 2,886 จุด (ลดลงจำนวน 420 จุด คิดเป็นร้อยละ 12.70 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ที่มีจำนวน 3,306 จุด) โดยภาพรวมสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 80,836 tCO2eq

นายอนุกูลกล่าวถึงมาตรการการดำเนินการแก้ปัญหาการลักลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมายว่า ได้มีการออกตรวจพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อลักลอบนำเข้า/ส่งออกสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ณ จุดผ่อนปรนการค้า 4 แห่ง และจุดผ่านแดนถาวร 2 แห่งอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย สำหรับสินค้าปศุสัตว์ได้ตรวจสอบการนำเข้าทั้งทางเรือ ทางอากาศ และทางบก รวม 20,024 ครั้ง มีผลงานบังคับใช้กฎหมาย รวม 585 คดี รวมมูลค่ากว่า 195.220 ล้านบาท และด้านประมง ตรวจสอบเฝ้าระวัง ป้องกัน การลักลอบการนำเข้า และส่งออก 28,451 ครั้ง ได้ตรวจสอบสินค้าสัตว์น้ำนำเข้าทางด่านตู้คอนเทนเนอร์ 1,215 ตู้ และดำเนินคดีตามกฎหมาย 78 คดี มูลค่า 36.20 ล้านบาท

"กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังมีผลงานขับเคลื่อนดำเนินงานต่าง ๆ ที่สำเร็จ อีกมากมาย และหลังจากนี้ อีก 6 เดือนในปี 2568 ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ พร้อมที่จะเดินหน้า ร่วมมือ และผลักดันโครงการที่เป็นประโยชน์เพื่อให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยดีขึ้นและมีความมั่นคง ตามนโยบายด้านการเกษตรของรัฐบาลที่มุ่งสร้างโอกาส สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ “มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” ตามคำแถลงนโยบายของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" นายอนุกูลระบุ