Authority & Harm

ชี้'ผู้ถูกคุมขัง'หลังพ้นโทษทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ



กรุงเทพฯ-เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 09.00 น. ได้เกิดเหตุผู้ถูกคุมขังภายหลังพ้นโทษตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ขณะปฏิบัติหน้าที่ณ สถานกักกันกลางกรุงเทพมหานคร สังกัดเรือนจำกลางคลองเปรม

กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า ขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สองรายได้นำอาหารกลางวันไปให้ผู้ถูกคุมขังภายหลังพ้นโทษภายในห้องควบคุม 3/2ขณะกำลังเปิดประตูห้อง ผู้ก่อเหตุได้ดันประตูวิ่งสวนออกมาและแย่งไม้ตะบองของเจ้าหน้าที่ และใช้ไม้ตีเจ้าหน้าที่ที่ศีรษะ เบ้าตา และบริเวณกลางหลังหลายครั้งส่วนเจ้าหน้าที่อีกรายพยายามช่วยเหลือแต่ก็ถูกไม้ตีที่บริเวณศีรษะเช่นเดียวกันต่อมาเจ้าหน้าที่ทั้งสองรายได้รับการช่วยเหลือและถูกส่งตัวเข้ารับการตรวจอาการบาดเจ็บและรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าทั้งนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุเพื่อปกป้องสิทธิของเจ้าหน้าที่และเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของเรือนจำ

อนึ่งผู้ถูกคุมขังภายหลังพ้นโทษรายนี้จากประวัติ ขณะเป็นเยาวชนเคยถูกฝึกอบรมในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนมาแล้ว 3 ครั้ง เคยต้องโทษในเรือนจำฐานความผิดคดีเกี่ยวกับเพศ 2 ครั้งคดีความผิดต่อชีวิตและร่างกาย1 ครั้ง ขณะต้องโทษมีประวัติการรักษาโรคจิตเภท(Schizophrenia: F20)ก่อนได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ศาลมีคำสั่งให้ใช้มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษระยะเวลา 3 ปีและเมื่อคุมขังภายหลังพ้นโทษครบระยะเวลา ๓ ปีแล้วให้กรมคุมประพฤติเฝ้าระวังภายหลังพ้นโทษต่ออีก 3 ปี เพื่อป้องกัน               มิให้กระทำความผิดซ้ำ โดยพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 กำหนดว่าผู้ถูกคุมขังภายหลังพ้นโทษไม่ถือเป็นนักโทษ และจะปฏิบัติต่อผู้ถูกคุมขัง ภายหลังพ้นโทษเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ โดยให้ปฏิบัติด้วยการนำกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการกักกันตามประมวลกฎหมายอาญา (ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน พ.ศ. 2566) มาใช้บังคับโดยอนุโลม

เจ้าหน้าที่เรือนจำนอกจากต้องควบคุมดูแลให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามกฎหมายราชทัณฑ์แล้วยังมีหน้าที่ในการควบคุมดูแลผู้ถูกคุมขังภายหลังพ้นโทษตามกฎหมายมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นด้วย จากอัตราส่วนของเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ไม่สอดคล้องสัมพันธ์กับจำนวนผู้กระทำผิดที่มีจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดนักโทษล้นเรือนจำ เจ้าหน้าที่มีภาระงานสูงขึ้นทำให้เกิดความตรากตรำในการปฏิบัติงานมีความเสี่ยงภัยสูงเนื่องจากต้องควบคุมดูแลผู้ต้องราชทัณฑ์ซึ่งบางรายมีพฤติการณ์ดื้อด้านยากต่อการควบคุมแก้ไข บางรายกระทำความผิดซ้ำหลายครั้ง บางรายมีอาการทางจิตเวชอย่างไรก็ตามกรมราชทัณฑ์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ในการควบคุมดูแล แก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยบุคคลที่ถือว่าเป็นอันตรายไม่ให้กลับไปกระทำผิดซ้ำ และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันสังคมให้ปลอดภัยจากอาชญากรต่อไป