In News
นายกฯแจงทุกประเด็นคาใจรอบ2สัปดาห์ ดิจิทัลเฟส3/ลุ้นF1/ใช้งบ1.57แสนบาท

กรุงเทพฯ-ชัดเจน..!!นายกฯ ไม่ยกเลิก ดิจิทัลเฟส 3 แต่เลื่อนออกไปในเวลาที่เหมาะสม ยืนยันใช้งบประมาณปี 69 อย่างคุ้มค่าในทุกมิติ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และยังได้เผย 5 ภาพประทับใจจากเวทีโลกถึงท้องถิ่นไทย ที่มีความหมายสำคัญทั้งทางการทูต และการพัฒนาประเทศ ย้ำรัฐบาลเดินหน้าเต็มที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน
วันนี้ (1 มิถุนายน 2568) เวลา 08.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ประจำเดือนมิถุนายน 2568 สรุปสาระสำคัญที่นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการว่า การตัดสินใจเลื่อน Digital Wallet เฟส 3 รัฐบาลต้องการจะทำรูปแบบของ Digital จริงๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น แต่พอมีกำแพงภาษีของสหรัฐฯ รัฐบาลจึงปรับเปลี่ยนแผน ตามข้อท้วงติงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึง feedback จากประชาชน ฝ่ายค้าน และทุกคน ซึ่งรัฐบาลได้นำความเห็นมารวมกันและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศต่อการบริหารงบประมาณที่จะหมดภายใน 30 กันยายนนี้ โดยรัฐบาลมองภาพรวมของประเทศเป็นหลัก ดังนั้น รัฐบาลจึงพิจารณาเลื่อน Digital Wallet เฟส 3 ออกไป หากเศรษฐกิจดีขึ้นรัฐบาลพร้อมให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า การเปลี่ยนงบประมาณจำนวน 1.57 แสนล้านบาท สามารถนำไปทำอะไรได้บ้างนั้น สิ่งแรกคือ ภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับทุกคนในประเทศ ทั้งน้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งเวลาน้ำท่วมลำบากทุกจังหวัดรวมถึงกรุงเทพมหานคร และประเทศเพื่อนบ้านด้วย จะต้องพูดคุยกันทั้งระบบ ทุกรูปแบบ ทุกภาคส่วนต้องมีการแก้ไขปัญหาบูรณาการร่วมกัน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ ต้องใช้งบประมาณอย่างมากในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ให้ลดผลกระทบลง อย่างที่ทราบฝนมาทุกปี แต่ทำอย่างไรให้ความเสียหายของประชาชนลดลงทุก ๆ ปี รวมถึงน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคที่ในหลายพื้นที่ยังไม่มีน้ำดื่ม น้ำใช้ และน้ำยังเป็นต้นทางของการเกษตรคือ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศที่ทำรายได้ให้เกษตรกรให้ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวนทุกคนสามารถมีผลิตภัณฑ์ส่งออกมีผลผลิตส่งออกให้กับประเทศ สร้างรายได้นำเงินเข้าประเทศได้ คือสิ่งสำคัญที่ต้องใช้เงินงบประมาณส่วนนี้ เพื่อดูแลเรื่องของน้ำกิน น้ำใช้ น้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่ออุตสาหกรรม ซึ่งในอนาคตจะมีอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เข้ามาลงทุนจำนวนมาก น้ำจึงมีความจำเป็นอย่างมาก
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การพัฒนาเส้นทางคมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ทำให้การติดต่อของพี่น้องประชาชนง่ายขึ้น ทั้งในประเทศและเชื่อมระหว่างประเทศ สำหรับการเดินทางขนส่ง ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมาก หากทำให้การขนส่งง่ายขึ้น รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงการขนส่งสินค้าเกษตรกรที่มีวันหมดอายุไปยังต่างประเทศ ไปยังจังหวัดอื่น ๆ ถือเป็นการนำงบประมาณมาใช้ในเรื่องที่ดี และสามารถบริหารจัดการภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อแก้ปัญหาที่ยังค้างคาอยู่ ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีการท่องเที่ยว ที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ซึ่งตนเองได้มีโอกาสเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ บริบทได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก ห้องน้ำมีความสะอาดมากขึ้น อาคารต่างๆ มีความทันสมัย ไม่มีสภาพของความน่ากลัว ทำให้ตนเองนึกถึงประเทศไทย โดยจะนำงบประมาณดังกล่าวไปใช้ในเรื่องของการท่องเที่ยว ให้เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติได้เข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น รวมถึงเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งการทำเรื่อง CCTV มีความสำคัญอย่างมากเพื่อให้ชาวต่างชาติมีความไว้ใจว่า อาชญากรรมเล็ก ๆ ในประเทศได้รับการดูแล ทั้งหมดคือ รัฐบาลมองในภาพรวมว่า งบประมาณดังกล่าวถ้าไม่ได้ให้เป็นรายบุคคลแล้ว นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมของประเทศ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นจริง
“ยืนยัน Digital Wallet เฟส 3 ยังอยู่ การเปลี่ยนแปลงงบประมาณ เป็นเพียงแผนระยะสั้น และต่อไปจะเป็นการวางแผนระยะกลาง ระยะยาว จะต้องใช้เวลาให้เห็นเป็นรูปธรรม งบประมาณดังกล่าว ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมในระยะสั้น ซึ่งได้มีการคิดมาแล้ว และเรียงลำดับความสำคัญ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อมีปัจจัยแทรกเข้ามา จะต้องถอยออกมา รัฐบาลให้ความสำคัญต่อคนหมู่มากที่สุด อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบเหล่านี้เป็นพื้นฐานของโครงสร้างทางสังคมทั้งสิ้น และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และการนำงบประมาณไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมานั้น ต้องใช้ทรัพยากรมนุษย์และคนเกิดการจ้างงานทั้งระบบให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแผนต่อไปในระยะยาว ซึ่งคือประโยชน์ที่จะได้จากการเลื่อน Digital Wallet เฟส 3” นายกรัฐมนตรี ย้ำ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปถึง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า จำเป็นต้องมีการปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกและสถานการณ์ภายในประเทศ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ ภาษีศุลกากร (Tariff) น้ำท่วมน้ำแล้ง รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องพร้อมเสมอ ในการรับมือกับปัจจัยแทรกที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่างบประมาณฯ ที่วางไว้ในเบื้องต้น ค่อนข้างครอบคลุมพอสมควร แต่ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะหน้ามากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้เร่งเดินหน้าการลงทุนภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลชุดนี้มีการลงทุนของภาครัฐมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ การอัดฉีดงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน ทั้งนี้ รัฐบาลขอความร่วมมือจากเอกชน ให้ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ในปัจจุบันมีความท้าทายอย่างมาก ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญ จากการเดินทางไปต่างประเทศและได้พูดคุยกับผู้นำหลายประเทศ ต่างประสบปัญหาและผลกระทบในมิติต่าง ๆ อาทิ ด้านการขนส่ง ผลผลิตทางการเกษตร แต่ทุกประเทศต่างพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อก้าวข้ามผ่านวิกฤติเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังพบในขณะนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การประชุมผู้นำอาเซียน เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นเดือนแห่งการเดินทางเพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยประเทศแรกที่เดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการ (Official Visit) คือ เวียดนาม ซึ่งให้การต้อนรับประเทศไทยอย่างอบอุ่น สิ่งที่พิเศษในการเยือนครั้งนี้ คือ การประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี หรือ Joint Cabinet Retreat ระหว่างไทยและเวียดนาม แม้องค์ประกอบคณะรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายจะไม่ครบ แต่รัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีได้ร่วมประชุมหารือกันอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เวียดนามไม่เคยจัดประชุมในลักษณะนี้กับประเทศใดมาก่อน ประเทศไทยนับเป็นชาติแรกที่เวียดนามจัดการประชุมร่วมรัฐบาลด้วย โดยในส่วนของไทย การประชุมร่วมรัฐบาลในลักษณะนี้เคยจัดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดและความร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศในภูมิภาค นอกจากเวียดนาม ตนเอง ได้เดินทางต่อไปประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียน ซึ่งเป็นเวทีสำคัญของภูมิภาค โดยมีประเด็นหารือครอบคลุมหลากหลายด้าน ทั้งเรื่องอาชญากรรมออนไลน์ ปัญหายาเสพติด ผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อเพิ่มการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกทั้ง ในปีหน้าจะมีอีกหนึ่งประเทศคือ ประเทศติมอร์เลสเต จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำอาเซียน ยังมีการจัดประชุมสุดยอดด้านเศรษฐกิจอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ-จีน (ASEAN – GCC – China Economic Summit) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ 3 ภูมิภาคได้รวมตัวกัน โดยมีประชากรรวมกันกว่า 2,000 ล้านคน หรือประมาณหนึ่งในสี่ของประชากรโลก ถือเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ โดยการประชุมในครั้งนี้ได้มีการหารือถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน โดยกลุ่มประเทศอาหรับมีทรัพยากรด้านพลังงานอย่างมหาศาล ขณะที่ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านเกษตรและอาหาร ความร่วมมือของทั้ง 3 ภูมิภาคแสดงให้เห็นว่าเรามีอำนาจในการต่อรอง นอกจากนั้น อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่มีการหารือ คือ แนวทางในการขยายความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement – FTA) เพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค และผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน
“การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความตั้งใจของรัฐบาลไทยในการร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ แต่ยังเป็นการสานสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกในกลุ่มอย่างใกล้ชิด แม้ว่าในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือรัฐบาลก็ตาม ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่ให้ความสำคัญกับการหารือ ความร่วมมือ และการขับเคลื่อนภูมิภาคอย่างต่อเนื่องนั้นจะยังคงปรากฏต่อไป” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การดูงาน F1 ว่า รัฐบาลต้องการศึกษาว่าจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นบ้างกับประเทศไทย ในการทำ F1 ถือเป็นอีกหนึ่งใน man made Destination ในเรื่องของ tourist ซึ่งประเทศไทยมีทะเลเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ไม่มี man made Destination ให้ต่างชาติรับรู้ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยจะพัฒนา Perception พัฒนามุมมอง หรือพัฒนาสกิลของคนไทยไปอีกแบบก้าวกระโดด ถ้า F1 มาจัดงานที่ประเทศไทย คนไทยจะมีโอกาสช่วย ในเรื่องของเครื่องยนต์ ในเรื่องของการทำงาน เพราะทีม F1 ต้องใช้คนซึ่งทีม F1ไม่สามารถแบกคนไปในทุกประเทศได้ทั่วโลกได้ การจ้างงานก็จะเกิดขึ้น ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นหรือช่วงยาว แต่จะเป็นโอกาสของคนไทยที่จะไปสมัครงานกับทีมF1 ถือเป็น Destination ใหม่ๆ ชาวต่างชาติที่ไม่เคยมาประเทศไทย ทั้งนี้ตอนไปที่โมนาโก มีโอกาสเจอน้องคนไทยเป็นนักแข่งอยู่ที่ Formula 3 ได้พูดคุยสอบถามความใฝ่ฝันต้องการเป็นนักแข่งของ Formula 1 ถือเป็นการสร้างความหวังให้เด็กไทย ได้รู้สึกว่าการแข่งรถมันไม่ไกลเกินไป เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองที่ได้ติดธงไทย เป็นตัวแทนของคนไทย
“การสร้าง F1 สามารถนำคนที่มีความชอบในเรื่องนี้มารวมตัวกัน เกิดการท่องเที่ยว แค่หนึ่งวันมีนักท่องเที่ยวเพื่อมาดู F1 จำนวน 100,000 คน สามวัน จำนวน 300,000 คน โรงแรม ร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางรถไฟฟ้า แท็กซี่ ทุกอย่างเต็มทุกช่องทาง ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ จะมีจังหวัดข้างๆ อีกที่จะไป และ International Airport ของเราทุกที่ เป็นโอกาสที่เพิ่มขึ้นทั้งประเทศ คนจะเดินทางเข้ามาดู F1 มากกว่า 100,000 คนต่อวัน และการแข่งขันจะต้องเตรียมงานอย่างน้อย 2-3 อาทิตย์ จะทำให้เกิด High season อีกช่วงหนึ่ง เรียกว่าเป็นความหวัง ตอนนี้มี 24 ประเทศเท่านั้นที่จัดงานของ F1 ส่วนในเอเชีย มีแค่ 3- 4 ประเทศเท่านั้นเอง ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในนั้น และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นหนึ่งในนั้น” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกฯเผย5ภาพประทับใจจากเวทีโลกถึงท้องถิ่นไทย
ในตอนหนึ่งนานายกรัฐมนตรี กล่าวถึง“โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” โดยในช่วงเรื่องเล่าจากภาพ นั้นภาพแรก นายกรัฐมนตรี ได้เล่าถึงภาพถ่ายที่ได้มีโอกาสที่ได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชรัฐโมนาโก ซึ่งระหว่างที่อยู่ในห้องรับรอง เพื่อรอเข้าเฝ้าฯ ได้เห็นภาพถ่าย ซึ่งเป็นภาพที่เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชรัฐโมนาโก ได้ถ่ายร่วมกับพระประมุขและผู้นำจากประเทศต่าง ๆ ในโอกาสเสด็จเยือนประเทศไทย เนื่องในโอกาสที่รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งได้มีการเตรียมงานอย่างยิ่งใหญ่ รู้สึกประทับใจมาก ที่มีราชวงศ์จากทั่วโลกเสด็จฯ มาแสดงความยินดีกับในหลวงของเรา
ภาพที่ 2 เป็นภาพวาดของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ที่วาดโดยนายกรัฐมนตรีเวียดนาม พร้อมเขียนข้อความให้กำลังใจด้วย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 15-16 พฤษภาคม 2568 ระหว่างประชุม Joint Cabinet Retreat: JCR
ภาพที่ 3 เป็นการเดินทางไปประเทศอังกฤษ นายกรัฐมนตรีได้ไปเยี่ยมชมตลาด Wing Yip ห้างค้าปลีกรายใหญ่ ในกรุงลอนดอน ซึ่งมีการจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ จากประเทศไทย โดยได้เห็นนมข้นหวานที่ทำจากมะพร้าวเป็นครั้งแรกและได้ซื้อมาทาน รสชาติไม่หวานมาก และมีความหอมของมะพร้าว รสชาติอร่อย รวมถึงมีลูกชิ้นปลาภูเก็ตที่อร่อยมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีทอดมันปลากราย รวมถึงห่อข้าวเหนียวมะม่วงสำเร็จรูป สามารถอุ่นไมโครเวฟ 1 นาทีก็ได้ข้าวเหนียวมะม่วงพร้อมทานได้ทันที และมีผลไม้ไทยชนิดต่าง ๆ ทั้งทุเรียน มะละกอ และอื่น ๆ เป็นต้น ตรงนี้คือโอกาสและศักยภาพของไทยที่อยากให้ทุกคนเห็นว่าเราผลิตอะไรมาแล้ว สามารถส่งออกไปทั่วโลกได้จริง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้มีประสบการณ์และสัมผัสอาหารและสินค้าไทย
ภาพที่ 4 ถ่ายระหว่าง lunch ที่ official Visit โดยอินโดนีเซีย โดยเป็นภาพนายกรัฐมนตรีถ่ายร่วมกับ รองนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล และ Cabinet Secretary ของอินโดนีเซีย
และภาพสุดท้าย เป็นภาพความประทับใจที่นายกรัฐมนตรีได้ไปดูโรงงานบรรจุมังคุดส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งมีเครื่องคัดมังคุดที่ทันสมัยได้มังคุดที่มีคุณภาพและขนาดตามมาตรฐานที่กำหนด ก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยได้อย่างดี รวมถึงการทำโลจิสติกส์ที่ดีให้ประหยัดเวลาให้เร็วขึ้นสามารถส่งผลไม้ได้สดใหม่ถึงปลายทางเหมือนเช่นต้นทางได้รับ ซึ่งเป็นการดำเนินการครบวงจร
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้รัฐบาลพร้อมสนับสนุนต่ออย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้ได้มีการพูดคุยแล้วทั้งเรื่องของมังคุด และทุเรียน โดยเฉพาะปัญหาการติดขัดเรื่องกระบวนการของการส่งออกต่าง ๆ นั้น โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ
ว่า ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปดำเนินการในเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงเรื่องปัญหาการขนส่งไปต่างประเทศ ได้สั่งการให้พูดคุยกับจีนเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ซึ่งการไปลงพื้นที่รับฟังปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากประชาชนด้วยตนเองก็ทำให้ได้รับทราบและแก้ไขตรงนั้นเลย รู้สึกว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ
“ขอบคุณทุกท่านที่รับชมรายการนี้ หวังว่าทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ไปด้วยกัน มากไปกว่านั้นก็หวังว่าทุกท่านจะได้รู้สึกว่าจริง ๆ แล้ว รัฐบาลกำลังดูอยู่ทุกเรื่องที่จะเป็นโอกาสของพี่น้องประชาชนและโอกาสของประเทศ ดิฉันในฐานะของหัวหน้ารัฐบาลตั้งใจจะทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ การเข้ามาตรงนี้ การพัฒนา การกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนกินดีอยู่ดีขึ้นนั้น ดิฉันรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และทำอย่างเต็มที่แน่นอน ไว้พบกันใหม่เทปหน้า” นายกรัฐมนตรี กล่าวปิดท้าย