Authority & Harm
ชาวบ้านทะเลทรัพย์ชุมพรรวมพลังไม่เอา! สัมปทานเหมืองหิน'มึงรวยกูตาย'

ชุมพร-เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่2 มิถุนายน 68 ที่ศาลาอเนกประสงค์ หมู่ 4 บ้านทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว จ.ชุมพรนายประพันธ์ จันทร์สิน นายกเทศมนตรีตำบลทะเลทรัพย์ นายสมบูรณ์ โฉมทรงค์ กำนันตำบลทะเลทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหมู่ 1-8 ตำบลทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว และหมู่ 12 ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร รวมตัวกันประมาณ 380 คน พร้อมป้ายผ้า ป้ายไวนิล ขนาดเล็กใหญ่เขียนข้อความ แสดงสัญญาลักษณ์ขอคัดค้านสัมปทานเหมืองแร่ พวกเราไม่ต้องการเหมืองหิน เราไม่เอาโรงโม่ จากบริษัท ภูทองอันดา จำกัด ผู้ยื่นขออาชาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่ 1/1566 หลังจากมีหนังสือถึงผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว เพื่อขอเข้าพื้นที่แจ้งให้ประชาชนทราบ และรับฟังความคิดเห็น ทำความเข้าใจในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00 น. กรณีขอสำรวจแร่ ตามความเห็นผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ที่ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นภายหลังเมื่อมีการอนุญาต
นายประพันธ์ จันทร์สิน นายกเทศมนตรีตำบลทะเลทรัพย์ (เสื้อลายสกอต) ได้กว่าต่อหน้าชาวบ้านว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้บริหารท้องถิ่น และเป็นชาวบ้านคนหนึ่งที่อาศัยภูมิลำเนาพื้นที่ทะเลทรัพย์ตั้งแต่กำเนิด ก็ไม่เห็นกับการเข้ามาทำลายล้างทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของเรา อีกทั้งไม่อยากถูกด่าว่า เพราะตนเป็นคนที่ให้มีโรงโม่ รุ่นลูกรุ่นหลานจะได้ไม่ด่า ว่าเป็นเพราะมึง ที่ทำให้บ้านทะเลทรัพย์พังฉิบ..มาจนถึงวันนี้ จึงประกาศยืนเคียงข้างชาวบ้านต่อต้านคัดค้านว่าตำบลทรัพย์แห่งนี้ต้องไม่มีโรงโม่หินเกิดขึ้นแน่นอน
ด้านนายสมบูรณ์ โฉมทรงค์ กำนันตำบลทะเลทรัพย์ (เสื้อเหลือง)กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า ทางโรงโม่ ได้ซื้อตัวตนแล้วและได้เงินไปหลายแสน ซึ่งตนก็ไม่ถือโทษใคร ความจริงก็คือความจริง และวันนี้ตนเองได้ออกปกป้องประกาศตัวชัดเจนว่าไม่เอาโรงโม่ เช่นกัน ส่วนใครจะเอาก็เป็นสิทธิของเขา แต่วันนี้มองให้เห็นว่า พลังชาวบ้านกว่า 380 คน จากทั้งตำบลทะเลทรัพย์ อ.ปะทิว และตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร บางส่วนที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากการสำรวจแร่ดังกล่าวรวมตัวกันพร้อมลงลายมือชื่อคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการขอลงพื้นที่ของบริษัทฯสำรวจแร่ดังกล่าวเนื่องจากไม่ต้องการเหมืองแร่และไม่ต้องการเข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็น เนื่องจากชี้ชัดว่าการเข้ามาประกอบจิกการเหมืองแร่ ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ ด้านสุขภาพของประชาชนและส่งผลกระทบถึงพื้นที่เกษตรกรรม สวนทุเรียน มังคุด ปาล์มน้ำมัน และยางพาราเป็นต้น สร้างรายได้แก่ชาวสวนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
ขณะที่นายสุรพล รุ่งเรือง (เสื้อขาว) ชาวบ้านตำบลทะเลทรัพย์ ถือหนังสือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร ที่ ชพ 0034(4)/ 448 ลงวันที่ 23 เมษายน 2568 กล่าวต่อหน้าชาวบ้านผู้คัดค้านเหมืองแร่ฯ ระบุเรื่องคำขออาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ที่ 1/2566 ของบริษัท ภูทองอันดา จำกัด ขอสำรวจแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ตำบลทะเลทรัพย์อ.ปะทิว เนื้อที่ 1,250 ไร่ ถึง นายกเทศมนตรีตำบลทะเลทรัพย์ อุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าวได้ผ่านมาเป็นระยะเวลานานแล้ว จึงสอบถามมายังนายกเทศมนตรีตำบลทะเลทรัพย์มีความคิดเห็นอย่างไร ผลประการใดแจ้งให้ทางสำนักงานฯทราบด้วย
ด้วยหนังสือดังกล่าวทำให้นายสุรพลซัดคำถามกลับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพรว่าทำหนังสือถามนายกเทศมนตรีตำบลทะเลทรัพย์มาได้อย่างไร ไร้มารยาท ขณะนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลฯ สภา ประธานสภายังไม่มีแล้วมาถามความเห็นได้อย่างไร อ่านแล้วนอนไม่หลับ 3 คืน 8 วัน มีวิจารณญาณ หรือเปล่า จบวิศวะ มีความรู้อะไร ต้องถามตอนที่หลังเสร็จเลือกตั้งแล้ว นายกจะได้สอบถามสมาชิกในสภาถามความคิดเห็นของประชาชนเอาหรือไม่เอาการขอสำรวจแร่ สรุปอย่างไรนายกทำหนังสือตอบกลับไปถือว่าจบ
เอาหรือไม่เอาขอสัมปทานสำรวจแร่อยู่ที่ท้องถิ่นไม่ได้อยู่ที่ผู้ว่าฯหรืออุตสาหกรรมจังหวัดเหมือนกฎหมายฉบับเก่าเป็นการกดขี่บีบบังคับโดยระบบราชการในเมื่อรัฐบาลกลางให้อำนาจท้องถิ่นมาดำเนินการมีอำนาจตัดสินใจ เมื่ออุตสาหกรรมจังหวัดถามเรื่องนี้มาเท่ากับไร้มารยาท ไม่ได้ดูกฎหมาย สมควรลาออกไปทำอย่างอื่น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบราชการไทย ถ้าไม่มีกฎหมายใหม่ค้ำยันเชื่อว่าป่านนี้ผู้ว่าฯอุตสาหกรรมจังหวัดดำเนินการและมีรถวิ่งแล้วเชื่อว่าอย่างนั้น”
นายสุรพล กล่าวอีกว่า ประชาชนเห็นว่านี่ระบบราชการไม่เอาไหนเลย เอาแต่ได้ ได้ฝ่ายเดียวกับคนกลุ่มหนึ่งมากมหาศาล แล้วอีกตั้งหลายแสนคนเดือดร้อนเพราะฝุ่นไปได้ทั่ว เพราะธรรมชาติหายแล้วหายเลย ทราบข้อมูลเชิงลึกว่าพื้นที่บ้านเขาวงมีชั้นดินหนาประมาณ 12 เมตร 6 วา กว่าจะถึงชั้นหิน หินใต้ดินมีความเข็งแรงมากกว่าหินบนภูเขา”
สุดท้ายแล้วชาวบ้านยังยืนหยัดคัดค้านไม่เอาการเข้ามาของบริษัทขอสัมปทานสำรวจแร่ตำบลทะเลทรัพย์อ.ปะทิว เนื้อที่ 1,250 ไร่ และขอเข้าพื้นที่แจ้งให้ประชาชนทราบ และรับฟังความคิดเห็น ทำความเข้าใจในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00 น.โดยสรุปชาวบ้านจะไม่ขอเข้าร่วมแต่อย่างใด แต่พร้อมที่จะมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าศาลาอเนกประสงค์ หมู่ 4 บ้านทะเลทรัพย์อีกครั้ง เพื่อคัดค้านทุกรูปแบบ โดยไม่ต้องให้ทางบริษัทจะเข้ามาพูดคุยแต่อย่างใด และพร้อมประกาศว่า “เราไม่เอาโรงโม่หิน”ขับไล่เหมือนกับที่ทางบริษัทแห่งนี้ถูกชาวบ้านใน จ.กระบี่ ขับไล่มาแล้ว