In News

'ดีอี'ชี้ประกาศปิดด่านชายแดนไทย-เขมร ยันเป็นข่าวปลอมหวั่นเข้าใจผิด-สับสน



กรุงเทพฯ-กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ไทยเตรียมประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 6 แห่ง” รองลงมาคือเรื่อง “ไทยเตรียมรับมือพายุแตตสวด” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาจทำให้เกิดความวิตกกังวล สับสน และเข้าใจผิดในสังคม

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม – 5 มิถุนายน 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 831,971 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 419 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 399 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 20 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 145 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 55 เรื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 78 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 40 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 7 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 2 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 18 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ เป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องภัยพิบัติ เรื่องสุขภาพ และการให้บริการของหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน และวิตกกังวลได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง ไทยเตรียมประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 6 แห่ง

อันดับที่ 2 : เรื่อง ไทยเตรียมรับมือพายุแตตสวด

อันดับที่ 3 : เรื่อง แผ่นดินไหวทุกวันเกิดจากการย้ายขั้วแม่เหล็กโลก ในอนาคตจะสลับขั้วโลกเหนือไปใต้

อันดับที่ 4 : เรื่อง รัฐบาลกัมพูชาสั่งนายกรัฐมนตรีไทย ห้ามปิดด่านชายแดน

อันดับที่ 5 : เรื่อง การทำแมมโมแกรมอาจกระตุ้นให้เนื้องอกลุกลาม

อันดับที่ 6 : เรื่อง ความแรงของแผ่นดินไหว สังเกตได้จากคลื่นน้ำ

อันดับที่ 7 : เรื่อง กลั้วคอด้วยสารละลาย Abmonak ยับยั้งเชื้อโคโรนา

อันดับที่ 8 : เรื่อง ปัสสาวะทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เสี่ยงต่อมลูกหมากอักเสบ

อันดับที่ 9 : เรื่อง อัมพาตบนใบหน้าเกิดจากการรับลมเย็นจากพัดลมเป็นเวลานาน

อันดับที่ 10 : เรื่อง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ออกหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล บริษัท poshmarkonline จำกัด

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ไทยเตรียมประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 6 แห่ง” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบไปยังด่าน ตม. ที่มีพรมแดนติดชายแดนไทย - กัมพูชา พบว่า ขณะนี้ยังคงเปิดด่านปกติ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 มิ.ย. 68) ยังไม่ได้มีการปิดด่านชายแดนตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ในส่วนข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “ไทยเตรียมรับมือพายุแตตสวด” กระทรวงดีอี โดย กรมอุตุนิยมวิทยา ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ทั้งนี้หากมีพายุเกิดขึ้นจริง และมีแนวโน้มที่จะเข้าประเทศไทย กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศให้ทราบอย่างน้อย 3 วัน สำหรับชื่อ “พายุแตตสวด” นั้น ก็ไม่มีชื่อในระบบชื่อพายุหมุนเขตร้อน รวมถึงในขณะนี้ไม่มีพายุหมุนเขตร้อนเกิดขึ้นในบริเวณมหาสมุทรที่จะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย โดยประชาชนสามารถติดตามข่าว พยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาได้ที่เว็บไซต์ https://www.tmd.go.th, Facebook กรมอุตุนิยมวิทยา Application Thai weather โทรสายด่วน  1182 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com