In News

รัฐฯรุกแก้ปัญหาราคาปาล์มแบบครบวงจร เข้ม!ราคาน้ำมันบรรจุขวดไม่เกิน50บาท



กรุงเทพฯ-รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาราคาปาล์มครบวงจร ยกระดับรายได้เกษตรกร-คุมราคาน้ำมันขวดไม่เกิน 50 บาท พร้อมดันกฎหมายใหม่วางรากฐานอุตสาหกรรมปาล์มอย่างยั่งยืน

วันนี้ ( 7 มิถุนายน 2568 ) เวลา 09.30 น. นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในรายการ เสียงจากใจ ไทยคู่ฟ้า ออกอากาศวันที่ 7 มิถุนายน 2568 ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกมิติ โดยเฉพาะ เรื่อง ปาล์มน้ำมัน ทั้งด้านราคาหน้าโรงงาน การควบคุมราคาขายปลีก และการวางรากฐานอุตสาหกรรมในระยะยาว

ล่าสุด คณะกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม มีมติให้โรงงานสกัดทั่วประเทศปรับราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน (ที่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18%) จากเดิม 5.00 บาท เป็น 5.20 บาทต่อกิโลกรัม มีผลตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนราคาหน้าโรงงานให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และช่วยให้ลานเทรับซื้อสามารถปรับราคาตามได้อย่างทั่วถึง

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไม่ให้เกิน 50 บาทต่อลิตร โดยให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง พร้อมกำชับผู้ขายให้ติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจนหากตรวจพบการฝ่าฝืน จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ในระยะยาว รัฐบาลโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมกันผลักดันแนวทางแก้ไขอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดกลไกการบริหารจัดการอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่จะปฏิรูประบบการผลิตและการตลาดของปาล์มน้ำมันทั้งระบบ 

ทั้งนี้ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานคณะกรรมการเพื่อยกร่างกฎหมายส่งเสริมปาล์มนํ้ามัน กระทรวงพลังงาน และประธานคณะที่ปรึกษา รมว. อุตสาหกรรม ได้ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมทำประชาพิจารณ์ ก่อนเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรีและรัฐสภา คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ เร็วที่สุดประมาณกลางปี 2569

ร่างกฎหมายฉบับนี้ได้นำรูปแบบจาก พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต มาปรับใช้กับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน โดยมุ่งหวังให้เกิดการเติบโตอย่างเป็นระบบ ช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดและเติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุล โดยเปลี่ยน “ปาล์ม” จากพืชเศรษฐกิจราคาผันผวน ให้กลายเป็นพืชที่มีรายได้มั่นคงโดยจะจัดตั้ง “สำนักงานอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน” ขึ้นมาดูแลทั้งระบบ พร้อมวางกลไก “ประกันรายได้” ให้เกษตรกรมีรายได้ที่แน่นอน ไม่ต้องเร่งตัดปาล์มขายในช่วงราคาตกต่ำ และยังมีโอกาสได้รับส่วนแบ่งจากผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปต่อจากน้ำมันปาล์ม

ส่วนผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์จากระบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มาตรฐานการแข่งขันที่เป็นธรรม และต้นทุนการผลิตที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

“รัฐบาลขอยืนยันเจตนารมณ์ในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในทุกมิติ การปฏิรูปแก้ปัญหาเรื่องปาล์มน้ำมัน จึงต้องปฏิรูปทั้งระบบเพื่อวางรากฐานระยะยาว ให้ทุกฝ่ายได้เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน” นางสาวศศิกานต์ ทิ้งท้าย