In Thailand

ปธ.หอฯศรีสะเกษเผยการค้าช่องสะงำพุ่ง เชื่อปิดด่านเจ็บทั้งคู่แต่เขมรจะหนักกว่า



ศรีสะเกษ-ปธ.หอการค้าศรีสะเกษ เผย ดุลการค้าชายแดนช่องสะงำ พุ่งกว่า 1.9 พันล้านบาท เชื่อปิดด่านเจ็บทั้งคู่ แต่เจ็บมากกว่าคือ ปชช.ชาวกัมพูชา

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568 นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีความตึงเครียดบริเวณตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนมีกระแสข่าวเตรียมปิดจุดผ่านแดนทุกจุด ตนได้สอบถามพูดคุยกับทางผู้ประกอบการที่อยู่โซนชายแดน อันดับแรกต้องทำความเข้าใจก่อนว่า จังหวัดศรีสะเกษ มีจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อยู่ในพื้นที่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ที่เป็นด่านผ่านแดนที่คนไทยกับกัมพูชา จะข้ามไปข้ามมาตลอด

สถานการณ์ทางการค้าการส่งออกบริเวณดังกล่าวตอนนี้ ก็เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชา ต่างก็มีความกังวล ในการเดินทางข้ามไปมา โดยเฉพาะกลุ่มชาวกัมพูชา บางกลุ่ม ที่มีความจำเป็นต้องข้ามมารักษาพยาบาลที่ประเทศไทย กลุ่มนี้ตนต้องบอกเลยว่า น่าเห็นใจ เพราะต้องเดินทางมาพบแพทย์ในการรักษาพยาบาลที่ประเทศไทย แต่ว่าเขาก็มีความกังวลว่าปัญหา ระหว่างสองประเทศ จะมีผลต่อการรักษาพยาบาล สุขภาพของเขา อันนี้ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่เราได้ข้อมูลมา 

ทั้งนี้ ปกติตัวเลขทางการค้า มูลค่าทางการค้าชายแดนแถวช่องสะงำ เราจะมีดุลการค้าคือมูลค่าการซื้อขายเราอยู่ที่ประมาณกว่า 1 พันล้านบาท ไปจนถึงประมาณ 1,900 ล้านบาท มันก็จะสวิงอยู่ประมาณนี้ แต่ว่าเป็นในลักษณะที่ได้ดุลก็คือประเทศไทยเเราขายออกมากกว่าการซื้อของจากกัมพูชา แล้วก็สินค้าประเภทที่กัมพูชาซื้อกับทางไทยเยอะ ก็จะเป็นสินค้ากลุ่มอุปโภค บริโภค เช่น น้ำผลไม้ นม เครื่องจักรทางการเกษตร รวมถึงเครื่องใช้เครื่องสอยต่าง ๆ  ส่วนไทย จะนำเข้าสินค้าประเภทสินค้าทางการเกษตร อย่างเช่น มัน มันสด กลุ่มอาหารของป่า ที่จะซื้อเข้ามาเยอะ มูลไทยปกติไทยจะได้ดุลกับไทย อยู่ประมาณ 30% ถ้าเทียบว่า มูลค่าการค้าปีละ 1,500 ล้านบาท เราก็จะได้ดุลประมาณสัก 3-400 ล้านบาท 

หากมีการปิดด่านชายแดนจริง จะส่งผลแน่นอนต่อเรื่องของเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามทั้งภาคเอกชน และภาคประชาชน ตนเชื่อว่าทุกคนไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก แต่ว่าวันนี้ที่เราได้คุยกับภาคเอกชนแล้ว ถ้ามันเป็นเรื่องของความมั่นคง เขาก็พร้อม คือเราก็หวังว่ามันจะมีการเจรจาหรือ การพูดคุยที่ลงตัวกันได้ มันก็จะทำให้เกิดวินวินทั้งสองประเทศ แต่ถ้าเกิดว่ากรณีที่ต้องปิดด่านจริงๆ ภาคเอกชนเองก็เตรียมตัวแล้ว เราก็ยินดีที่จะเป็นไปในทางเดียวกันกับฝ่ายความมั่นคง เพราะว่าเรา เราคิดว่าเราสามัคคีกัน เราไปในทางทิศทางเดียวกัน 

ซึ่งหากถามว่ามีการปิดด่านชายแดนจริง คิดว่าฝ่ายไหนเจ็บที่สุด นั้น ตนคิดว่าเจ็บทั้งคู่ แต่ถามว่าใครเจ็บกว่านั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นประชาชนทางฝั่งกัมพูชา เพราะว่า ประชาชนทางฝั่งกัมพูชา เขานิยมชมชอบสินค้าจากไทย เขาก็จะซื้อสินค้าจากไทยเยอะ การที่ปิดด่านตรงนี้ไป ก็ทำให้เขาขาดโอกาสในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค อีกอย่างในเรื่องของการรักษาพยาบาล จะพบว่า ชาวกัมพูชา ก็มารักษาพยาบาลที่ไทยเยอะ เพราะฉะนั้น ตนคิดว่ากลุ่มนี้น่าเป็นห่วง เพราะเมื่อถ้าด่านปิดเขาไม่สามารถเดินทางมาได้ การที่เขาจะเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพแบบที่ไทยมี ค่อนข้างลำบาก ตนคิดว่าเจ็บทั้งคู่ แต่เจ็บที่สุด คือ ประชาชนฝั่งกัมพูชา 

อย่างไรก็ตามในส่วนของภาคเอกชน เราขอเป็นกำลังใจให้ทั้งรัฐบาล และทหาร เราหวังที่สุดว่าไม่มีสงคราม คือ เราหามุมที่เจรจากันได้อย่างสันติ ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ทุกฝ่าย แต่ถ้าเกิดว่า เหตุการณ์มันลุกลามบานปลาย ตนคิดว่าพลเรือนเรา ก็พร้อมจะสนับสนุนในทั้งฝั่งรัฐบาลฝั่งความมั่นคง เพราะตนคิดว่าเราในฐานะคนไทยด้วยกัน ไม่มีอะไรที่จะสำคัญไปกว่าความเป็นคนไทยที่เราจะต้องช่วยกันแล้วก็ยอมเสียสละ แต่ว่า ด้วย ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบเนี้ย เราก็หวังว่าทุกอย่างมันจะจบได้เร็วที่สุด.

บุญทัน ธุศรีวรรณ  ศรีสะเกษ // รายงาน