Digitel Tech & AI
PwCชี้AIช่วยเพิ่มผลิตภาพให้โตถึงสี่เท่า ค่าจ้างสูงขึ้นถึง56%แม้บางหน้าที่ถูกแย้ง

กรุงเทพฯ, 9กรกฎาคม 2568–PwC เผยรายงานฉบับล่าสุดชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับศักยภาพของแรงงานเท่านั้นแต่ยังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในตลาดแรงงานอย่างเป็นรูปธรรมโดย AI มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการผลิตและการดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมส่งผลให้ผลิตภาพโดยรวมของแรงงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญรวมถึงค่าจ้างที่สูงขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแรงงานที่มีทักษะด้าน AI ซึ่งมีแนวโน้มได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัดและยังสามารถพัฒนาเส้นทางอาชีพไปสู่ตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
รายงาน “Global AI Jobs Barometer 2025” ของ PwC ซึ่งได้วิเคราะห์ข้อมูลประกาศรับสมัครงานเกือบหนึ่งพันล้านตำแหน่งจากหกทวีปทั่วโลกระบุว่าตั้งแต่มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (generative AI: GenAI) มาใช้อย่างแพร่หลายในปี 2565 อุตสาหกรรมที่ประยุกต์ใช้ AI อย่างเข้มข้นเช่นบริการทางการเงินและซอฟต์แวร์มีอัตราการเติบโตของผลิตภาพ (productivity) เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าโดยขยับจาก 7% ในช่วงปี 2561-2565 เป็น 27% ในช่วงปี 2561-2567 ในทางกลับกันกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI น้อยที่สุดเช่นเหมืองแร่ธุรกิจโรงแรมและที่พักพบว่าอัตราการเติบโตของผลิตภาพลดลงจาก 10% เหลือ 9% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ทั้งนี้ข้อมูลปี 2567 ยังชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI สูงสุดมีการเติบโตของรายได้ต่อพนักงานสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานน้อยที่สุดถึงสามเท่า
นางแครอล สตับบิงส์ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับโลกของ PwC กล่าวว่า: “งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของ AI ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่กำลังเกิดขึ้นจริง และยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในขณะที่เรานำ agentic AI มาใช้ในระดับองค์กร เราเห็นการหลอมรวมระหว่างเทคโนโลยีกับวัฒนธรรม ซึ่งจะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการปรับมุมมองต่อการดำเนินงานและสร้างคุณค่าทางธุรกิจขององค์กร”
จำนวนตำแหน่งงานในเกือบทุกสาขาอาชีพที่ใช้ AI ยังคงขยายตัวแม้ในกลุ่มงานที่ีีสามารถแทนที่ได้ด้วยระบบอัตโนมัติ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานนี้ไม่พบแนวโน้มการลดลงของตำแหน่งงานหรือค่าตอบแทนที่เกิดจากเทคโนโลยี AI ตรงกันข้ามกับหลายสมมติฐาน
แม้อาชีพที่มีการนำ AI มาใช้น้อยกว่าจะมีอัตราการเติบโตของตำแหน่งงานโดดเด่นถึง 65% ในช่วงปี 2562-2567 แต่อาชีพกลุ่มที่นำ AI มาใช้มากก็ยังคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 38% และสำหรับอาชีพที่ใช้ AI อย่างเข้มข้นสามารถแยกย่อยได้เป็น‘งานที่ถูกทำด้วยระบบอัตโนมัติ’ (เช่นงานที่ AI สามารถดำเนินการบางส่วนได้) และ‘งานที่ถูกเสริมศักยภาพ’ (เช่นงานที่มนุษย์นำ AI มาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิผล) ผลการศึกษาพบว่าจำนวนตำแหน่งงานในทั้งสองกลุ่มดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกศึกษาโดยเฉพาะกลุ่มงานที่ได้รับการเสริมศักยภาพจาก AI ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่ากลุ่มอื่น
ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI
ค่าจ้างในอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานน้อยกว่าถึงสองเท่า โดยค่าจ้างเพิ่มขึ้นทั้งในงานที่สามารถทำได้โดยระบบอัตโนมัติและงานที่ AI เข้ามาเสริมศักยภาพมนุษย์ทั้งนี้ ตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะด้าน AI ก็มีค่าตอบแทนสูงกว่างานในสายเดียวกันที่ไม่ต้องการทักษะ AI ในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกวิเคราะห์ โดยค่าตอบแทนเฉลี่ยที่สูงกว่านี้อยู่ที่ 56% เพิ่มขึ้นจาก 25% ในปีที่แล้ว งานที่ต้องใช้ทักษะ AI ยังคงเติบโตเร็วกว่าตำแหน่งงานอื่น ๆ โดยเพิ่มขึ้น 7.5% จากปีที่ก่อนในขณะที่ประกาศรับสมัครงานทั้งหมดลดลง 11.3%
นาย โจ แอทคินสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย AI ระดับโลกของ PwC กล่าวว่า:“เมื่อเทียบกับความกังวลที่ว่า AI อาจทำให้จำนวนงานลดลงอย่างมาก ผลการศึกษาในปีนี้แสดงให้เห็นว่างานกำลังเติบโตในแทบทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI แม้แต่ในกลุ่มที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้สูง AI กำลังเสริมศักยภาพและเปิดโอกาสให้ความเชี่ยวชาญกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้มากขึ้นช่วยให้พนักงานขยายขอบเขตในการเพิ่มผลลัพธ์และมุ่งเน้นไปที่ความรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้นด้วยรากฐานที่เหมาะสมทั้งบริษัทและพนักงานจะสามารถกำหนดบทบาทและอุตสาหกรรมใหม่และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในสายงานของตนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายด้านเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น”
แรงสั่นสะเทือนด้านทักษะเร่งตัวขึ้น เมื่อ AI กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในทักษะที่พนักงานใช้เพื่อความสำเร็จ
แม้ว่าภาพรวมในด้านประสิทธิภาพการผลิต ค่าจ้าง และงานจะเป็นไปในทิศทางบวก งานวิจัยนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่แรงงานและธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้องการทักษะจากนายจ้างกำลังเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น 66% ในสายงานที่ใช้ AI มากที่สุด จากเดิม 25% เมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องใช้ในการประสบความสำเร็จในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ความต้องการวุฒิการศึกษาอย่างเป็นทางการจากนายจ้างลดลงสำหรับทุกตำแหน่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI สัดส่วนของงานที่ AI ช่วยเสริมศักยภาพซึ่งต้องการวุฒิการศึกษาลดลง 7 จุดร้อยละ ระหว่างปี 2562 ถึง 2567 จาก 66% เหลือ 59% และลดลง 9 จุดร้อยละ (จาก 53% เหลือ 44%) สำหรับงานที่ AI สามารถทำงานแทนมนุษย์
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นด้วยว่า ผลกระทบของ AI ต่อผู้หญิงและผู้ชายอาจไม่เท่ากัน โดยในทุกประเทศที่วิเคราะห์ พบว่าผู้หญิงที่ทำงานในสายงานที่ใช้ AI มีจำนวนมากกว่าผู้ชายซึ่งบ่งชี้ว่าความกดดันด้านทักษะที่ผู้หญิงต้องเผชิญจะสูงกว่า
นาย พีท บราวน์ หัวหน้ากำลังแรงงานระดับโลกของ PwC กล่าวว่า: “การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ไม่เพียงเปลี่ยนอุตสาหกรรมต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังพลิกโฉมแรงงานและทักษะที่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่นายจ้างจะสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการทุ่มเงิน แม้ว่าจะสามารถจ่ายค่าตอบแทนสูงเพื่อดึงดูดผู้มีทักษะด้าน AI ได้ แต่ทักษะเหล่านั้นก็สามารถล้าสมัยได้อย่างรวดเร็วหากขาดการลงทุนในระบบที่ช่วยให้แรงงานได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง”
ความจำเป็นทางธุรกิจสำหรับการใช้งาน AI
หากธุรกิจต้องการเร่งการเติบโตและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ AI มอบให้ พวกเขาควรให้ความสำคัญกับ AI ตั้งแต่ตอนนี่้โดยรายงานฉบับนี้ได้แนะนำห้าแนวทางสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ ดังนี้
- ใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งองค์กร
- มอง AI เป็นกลยุทธ์การเติบโต ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ด้านประสิทธิภาพ
- ให้ความสำคัญกับ agentic AI
- พัฒนาและส่งเสริมทักษะแรงงานให้พร้อมใช้ประโยชน์จากพลังของ AI
- ปลดล็อกศักยภาพการเปลี่ยนแปลงของ AI ด้วยการสร้างความไว้วางใจ
ด้าน ดร. ภิรตา ภักดีสัตยพงศ์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทยกล่าวเสริมว่า:
“AI ช่วยเพิ่มผลิตภาพและเปลี่ยนแปลงทักษะที่ตลาดแรงงานไทยต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการทางการเงินและเทคโนโลยีผู้มีทักษะด้านนี้จะมีโอกาสเติบโตและได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้นอย่างไรก็ดีองค์กรต่างๆควรสนับสนุนการมอง AI ในฐานะเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพการทำงานไม่ใช่สิ่งที่มาแทนที่มนุษย์
“การเริ่มต้นจากการให้เห็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ในเชิงธุรกิจพร้อมกับจัดฝึกอบรมให้ความรู้จะช่วยให้พนักงานเข้าใจการนำ AI ไปใช้ในงานประจำวันได้มากขึ้นนอกจากนี้ควรมีแนวทางกำกับดูแลการใช้ AI อย่างรอบคอบโดยให้ความสำคัญกับประเด็นความปลอดภัยของข้อมูลจริยธรรมและความโปร่งใสขณะเดียวกันพนักงานก็ควรมีทัศนคติที่เปิดรับการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการทำงานเพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสที่เกิดขึ้นในยุค AI” ดร. ภิรตากล่าว