In News
ดีอีเตือนข่าวปลอมเกิดความตื่นตระหนก 'ฝั่งอันดามันเฝ้าระวังสึนามิ-แผ่นดินไหว'

กรุงเทพฯ-กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ เฝ้าระวังสึนามิ และแผ่นดินไหวรุนแรง ที่ภูเขาไฟใต้น้ำ” รองลงมาคือเรื่อง “รัฐบาลใช้ฝนเทียม เพื่อสลายการชุมนุม” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล สับสน และเข้าใจผิดในสังคม
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 4 – 10 กรกฎาคม 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,039,175 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 638 ข้อความ
สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 606 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 29 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 3 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 209 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 87 เรื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 98 เรื่อง
กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 31 เรื่อง
กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 14 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 7 เรื่อง
กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 59 เรื่อง
นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ เป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องของภัยพิบัติ ความมั่นคงภายในประเทศ และระหว่างประเทศ ข่าวการให้บริการของหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล สับสน เข้าใจผิดได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่
อันดับที่ 1 : เรื่อง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ เฝ้าระวังสึนามิ และแผ่นดินไหวรุนแรง ที่ภูเขาไฟใต้น้ำ
อันดับที่ 2 : เรื่อง รัฐบาลใช้ฝนเทียม เพื่อสลายการชุมนุม
อันดับที่ 3 : เรื่อง เดือนกรกฎาคม 68 จะมีคนชุมพรและนราธิวาส เสียชีวิตเพราะสึนามิเป็นแสนคน
อันดับที่ 4 : เรื่อง เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 แมกนิจูด ลึก 10 กม. ในแนววงแหวนแห่งไฟบริเวณทะเลอันดามัน
อันดับที่ 5 : เรื่อง แจ้งผู้ว่าฯ 7 จังหวัด ชายแดนไทย-กัมพูชา เตรียมแผนอพยพประชาชน
อันดับที่ 6 : เรื่อง เกิดแผ่นดินไหวล้อมไทย ภาคเหนือ-อีสาน-ใต้ ต้องเฝ้าระวัง
อันดับที่ 7 : เรื่อง คนต่างด้าวทำบัตรประชาชนคนไทยได้แล้ว
อันดับที่ 8 : เรื่อง กัมพูชาสั่งห้ามไทย ส่งยาให้ผู้ป่วยผ่านด่านช่องจอม
อันดับที่ 9 : เรื่อง ธนาคารออมสิน เปิดโครงการใหม่ กู้ออนไลน์ ได้ทุกอาชีพ วงเงิน 70,000 บาท
อันดับที่ 10 : เรื่อง เผยคลิปลับ เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านอาหารชาวจีน
สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ เฝ้าระวังสึนามิ และแผ่นดินไหวรุนแรง ที่ภูเขาไฟใต้น้ำ” กระทรวงดีอี โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา (นับจากวันที่ 3 กรกฎาคม 2025) ไม่พบรายงานการปะทุของภูเขาไฟบนเกาะนิโคบาร์ หรือบริเวณหมู่เกาะอันดามัน และจากแหล่งข้อมูลภูเขาไฟสำคัญ เช่น Global Volcanism Program ก็ไม่พบบันทึกเหตุการณ์ระดับเชิงลึกหรือแผนที่ความร้อนใหม่ใด ๆ ในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหวรวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องยังเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิอยู่ตลอดเวลาและได้มีการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ
ด้านข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “รัฐบาลใช้ฝนเทียม เพื่อสลายการชุมนุม” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ข้อมูลที่มีการเผยแพร่ดังกล่าวเป็นข่าวปลอม ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อหวังปลุกปั่นยุยง
ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการปฏิบัติการฝนหลวง ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 จำนวน 1 หน่วยปฏิบัติการ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดลพบุรี และมีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรจังหวัดลพบุรี (อำเภอโคกเจริญ) จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอไพศาลี อำเภอท่าตะโก) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอวิเชียรบุรี) ซึ่งการปฏิบัติการฝนหลวงไม่มีผลกระทบกับพื้นที่กรุงเทพมหานครแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด
สามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)| Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com