Authority & Harm

ตร.ชุดปราบยาเสพติดภาค8ล่อซื้อยาไอซ์ นักค้ายารู้ยิงเปิดทางถูกกระสุนเจ็บ1คน



พัทลุง-เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด ภาค8 ทำการล่อซื้อยาไอซ์ น้ำหนัก 200 กิโล นักค้ายาไหวตัวยิงเปิดทางก่อนจะถูกกระสุนบาดเจ็บ 1 ราย

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค8 ได้ทำการล่อซื้อยาไอซ์จำนวน 200 กิโล บริเวณริมถนนสายเอเซีย ฝั่งขาล่อง ท้องที่ ม.4 บ้านป่าบากออก ต.ทุ่งนารี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง แต่คนร้ายไหวตัวยิงเปิดทางเพื่อจะหลบหนี และโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถปิดทางเข้าออก เลยมีการยิงต่อสู้กันขึ้น ทำให้นักค้ายาได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ก่อนเจ้าหน้าที่จะรวบตัวได้ทั้งหมดจำนวน 3 ราย ทราบชื่อ นายจักรี ศรีชังส้ม อายุ 33 ปี (คนขับ) ชาวจ.ประจวบคีรีขันธ์ , นายธวัช บุญชูรักษ์ อายุ 33 ปี (นั่งหลัง) ชาวจ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายสันติชัย สีขุนทด อายุ 30 ปี (นั่งข้างคนขับ) ชาว จ.ลพบุรี โดนเจ้าหน้าที่ยิงโต้ตอบได้รับบาดเจ็บ

ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กส์สีขาว 4 ประตู ป้ายทะเบียน กน2003เพชรบุรี ตรวจสอบในรถพบกระเป๋าเดินทางจำนวน 10ใบ ซึ่งภายในพบยาไอซ์บรรจุภายในถุงลักษณะคล้ายถุงชากาแฟ น้ำหนักรวม 200 กิโล มูลค่า 140 ล้านบาท อยู่ในตอนหลังรถและที่เบาะข้างคนขับเจ้าหน้าที่พบปืนพกสั้นขนาด 9 มม. จำนวน1กระบอก อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รอบๆบริเวณที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบคราบเลือดและปลอกกระสุนจำนวน 10 กว่าปลอก จึงได้เก็บบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปประกอบการดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หนึ่งในนักค้ายาเสพติดบอกว่าพวกตนเป็นผู้รับจ้างขนยามาจากภาคเหนือเพื่อมาส่งให้ลูกค้าตามที่นัดไว้ โดยได้ค่าจ้างคนละ 5 หมื่นบาท แต่โดนล่อซื้อและถูกจับได้เสียก่อน 

ทางด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค9 ได้ลงพื้นที่ในจุดเกิดเหตุและกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งขยายผลจากการให้การซัดทอดของนักค้ายาเสพติดที่โดนจับได้ เพื่อติดตามผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปและจากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พบว่ามีคดีติดตัวจำนวน2 คน คือนายธวัช ฯ เคยถูกจับกุมคดีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนเมื่อปี 2555และนายจักรี ฯ เคยถูกจับกุมในข้อหายาเสพติด เมื่อปี 62 อยู่ระหว่างประกันตัวเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ ป่าบอน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย  ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงาน