In Thailand
ผู้อพยพชาวสระแก้วไม่เชื่อ'เขมรพลิกลิ้น' ยังไม่กลับขออยู่ศูนย์ฯต่อจนแน่ใจว่าสงบ

ปราจีนบุรี(คืบหน้า)พี่น้องชาวสระแก้วที่อพยพหนีภัยการสู้รบเปลี่ยนใจไม่กลับบ้านมั่นใจเขมรพลิกลิ้น ไม่เชื่อเขมรหยุดยิงจริง หลังกองทัพบกแจ้งฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ละเมิดข้อตกลง “หยุดยิง” อย่างจงใจ เจตนาหลังมีการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่ประเทศมาเลเซีย
เมื่อเวลา 11.35 น.วันนี้ 29 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจากปราจีนบุรี ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านจาก จ.สระแก้วที่อพยพหนีภัยการสู้รบเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยที่ศูนย์พักพิงชั่วคราววัดป่าประดู่ หมู่ 13 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ตั้งแต่ คืนวันที่26ก.ค.68 ที่ผ่านมาจำนวน 44 ราย หลังจากทหารของ 2 ประเทศเปิดฉากสู้รบกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า หลังมีการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและบรรลุข้อตกลง "หยุดยิง และไม่มีเงื่อนไข" ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ (28 ก.ค.)
พี่น้องชาวจังหวัดสระแก้วที่อพยพหนีภัยการสู้รบ ต่างติดตามรายงานสถานการณ์จากเพจของกองทัพบกและของ จ.สระแกวรวมถึงสอบถามผู้นำท้องที่ว่าสามารถเดินทางกลับได้ปลอดภัยหรือไม่? และ ต่างพากันโล่งอกดีใจที่พื้นที่ตนเองปลอดภัยงดยิงแล้ว ได้เตรียมเก็บข้าวของที่จะเดินอางกลับภูมิลำเนาจ.สระแก้วต่อไป หลังร่วมรับประทานอาหารเมนูอร่อยมื้อสุดท้ายที่ศูนย์พักพิงชั่วคราววัดป่าประดู่แล้ว ในวันนี้ช่วงเวลา 9.00 น.โดยจะมีนายธรรมรัฎฐ์ งามแสง นายอำเภอกบินทร์บุรีพร้อมผู้นำท้องถิ่นท้องที่ส่งผู้อพยพทั้งหมดกับภูมิลำเนานั้น
ลาสุดจากการติดตามพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกแถลงการณ์ว่า “ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ
แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว
พี่น้องชาวจังหวัดสระแก้ว ที่เตรียมตัวออกเดินทางกลับบ้านในสายวันนี้ ( 29 ก.ค.) เล็งเห็นถึงความไม่ปลอดภัยที่อาจติดตามมาในการสู้รบที่ฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่จึงยุติการเดินทางออกไปก่อนจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ ช่วงนี้ ผู้อพยพไม่กล้ากลับบ้าน มั่นใจ เขมรพลิกลิ้น ไม่เชื่อกัมพูชา หยุดยิงจริงและ ขอขอบคุณทุกธารนำใจชาวปราจีนบุรี ท่ามกลางความเข้าใน-เห็นใจของชาวปราจีนบุรีที่พร้อมดูแล
บรรยากาศพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. กบินทร์บุรี ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน และฝ่ายปกครองมาตรวจตราดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีผู้นำท้องถิ่นท้องที่ช่วยกันหุงข้าวทำกับข้าวเลี้ยงอย่างดี และ มี การประปาส่วนภูมิภาคกบินทร์บุรี นำน้ำดื่มมาบริจาคอีกด้วย รวมถึง เจ้าหน้าที่ รพ.สต.-อสม.ดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิดรวมถึงตัดผมให้กับผู้สูงอายุอีกด้วย
นายบุญเลี้ยง สิทธิศรี ชาวอำเภอตาพระยากล่าวว่า ตนเองและเพื่อนๆพี่น้องชาวอำเภอคลองหาด และ อ.อรัญประเทศ ได้มาพักอาศัยอยู่ที่นี่4 คืนแล้ว รู้สึกอบอุ่นและขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลและต้อนรับเป็นอย่างดี การปะทะกันของทหารไทยและกัมพูชาหรือเขมรนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการเจรจาให้หยุดยิงโดยไม่มีข้อแม้
ซึ่งประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนไม่เชื่อว่าทหารเขมรและผู้นำจะปฏิบัติได้ตามที่พูด และไม่เชื่อใจ ตามที่ครั้งแรกคิดว่าจะกลับภูมิลำเนากัน ด้วยความเป็นห่วงบ้านและทรัพย์สิน อยากจะกลับไปทำนา แต่เมื่อระดมความคิดกันหลายรอบ และข่าวสารจากกองทัพบกประกาศแจ้ง จึงขอพักอาศัยอยู่ที่นี่ต่ออีกสักระยะเพื่อให้แน่ใจ
และพูดเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวชายแดนเป็นภาษาส่วย (ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน และเป็นกำลังใจให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนสู้ๆ
มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว /ทองสุข สิงห์พิมพ์ – ภาพ / ปราจีนบุรี