In Bangkok
กทม.สั่งปรับปรุงท่อระบายน้ำเล็กในซอย แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก

กรุงเทพฯ-นายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำของ กทม. เพื่อรองรับสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สนน. ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำขนาดใหญ่โดยใช้วิธี Pipe Jacking เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการระบายน้ำของ กทม. ในระยะยาว และรองรับสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมขัง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้วิธีการเจาะท่อใต้ดินโดยไม่ต้องเปิดหน้าดินตลอดแนว ช่วยลดผลกระทบต่อการจราจรและชุมชนโดยรอบ ที่ผ่านมาได้ดำเนินเสร็จสิ้นและใช้งานแล้ว 11 โครงการ และจะดำเนินการในระยะต่อไปอีก 4 โครงการ ปัจจุบันได้ดำเนินการในหลายพื้นที่ที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก เช่น ถนนพหลโยธิน บริเวณลาดพร้าว พระราม 9 คาดว่าจะแล้วเสร็จเป็นระยะและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำจากพื้นที่ต้นน้ำไปยังสถานีสูบน้ำหลักได้เร็วขึ้น รวมถึงการจัดหาพื้นที่เพื่อสร้างบ่อพักน้ำ (Retention Pond) หรือแก้มลิง (Retention Area) ปัจจุบันมี 37 แห่ง ปริมาตรความจุรวม 16.35 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) พื้นที่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ หรือเตรียมเปิดใช้งาน ได้แก่ พื้นที่บางส่วนของสวนสาธารณะ พื้นที่ว่างในเขตบางขุนเทียน หนองจอก และพื้นที่ในแนวคลองสายหลักต่าง ๆ ซึ่งโครงการเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อชะลอและเก็บกักน้ำก่อนส่งต่อไปยังระบบระบายน้ำหลัก
ส่วนการปรับปรุงระบบท่อระบายน้ำขนาดเล็กภายในซอยต่าง ๆ สนน. ได้เร่งสำรวจ ตรวจสอบ และปรับปรุงระบบท่อระบายน้ำในซอยและชุมชนต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีข้อร้องเรียน หรือมีน้ำท่วมซ้ำซาก โดยพบว่า ท่อระบายน้ำแบบเก่าบางส่วนมีขนาดเล็ก หรือมีตะกอนสะสม ทำให้การระบายน้ำไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงได้ดำเนินการล้างท่อและขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับฝนตกหนัก พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโครงสร้างในบางจุด เพื่อให้สอดคล้องกับความเจริญเติบโตของชุมชนในเมือง ซึ่ง สนน. ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การบูรณะระบบท่อเดิมให้ทันสมัยและเหมาะสมกับสภาพเมืองในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมและรองรับสถานการณ์ฝนตกหนักที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างยั่งยืน
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก ในปี 2565 ทั่วทั้งประเทศและในพื้นที่กรุงเทพฯ ประสบสถานการณ์ฝนตกหนัก ซึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ มีปริมาณฝนรวมเฉลี่ยมากกว่า 2,000 มิลลิเมตร (มม.) จึงเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่และเป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซากใหม่ 737 จุด ซึ่งจากการถอดบทเรียนน้ำท่วมเมื่อปี 2565 สนน. ได้ทำแผนที่จุดเสี่ยงน้ำท่วม 737 จุด และได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาวางแผน เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ทั้งการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เช่น อุโมงค์ระบายน้ำ การปรับปรุงระบบคลอง ปรับปรุงสถานีสูบน้ำ แก้มลิง ระบบท่อระบายน้ำ รวมถึงใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการทำงาน ปัจจุบันสามารถแก้ไขแล้วเสร็จ 383 จุด และส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมีมาตรการชั่วคราว เพื่อบรรเทาปัญหา ป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพ