Authority & Harm
หญิงสวมชุดไทยขับเอสยูวีทับร่างคนนั่ง ในรั้วองค์พระปฐมเจดีย์ก่อนเดินหาย

นครปฐม-เปิดภาพวงจรปิดสุดสะเทือนใจหญิงสวมชุดไทยขับเอสยูวีเหยียบร่างชายเร่ร่อนกลางลำตัวนอนร้องควรครางลั่นองค์พระปฐมเจดีย์นครปฐม หลังจากนั้นเจ้าตัวได้แจ้งสามเณรให้มาช่วยดูอาการแล้วเดินออกไปจากพื้นที่เกิดเหตุอย่างใจเย็น ชาวเน็ตและชาวนครปฐมตั้งคำถามทำไมถึงไม่ช่วยดูแลคนเจ็บจนถึงมือหมอก่อน เบื้องต้นมีกระแสข่าวลือว่าชายคนดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้วแต่จากการติดตามข้อมูลล่าสุดทราบว่าโรงพยาบาลนครปฐมได้รับตัวมาและมีการดูแลผู้ป่วยอย่างดีเตรียมตัวผ่าตัดโดยพบอาการสาหัสคือหลังหักจากเหตุดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่พื้นที่เกิดเหตุได้แจ้งว่าเหตุการณ์ทั้งหมดได้มีการประสานงานมูลนิธิฯ ให้เข้ามารับตัวนำส่งโรงพยาบาลและประสานตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่ได้มีการทอดทิ้งอย่างที่มีการวิจารณ์ จากทริปเพียงไม่กี่นาที
วันที่ 30 กรกฎาคม 68 ผู้สื่อข่าวติดตามข้อมูลจากคลิบภาพวงจรปิด ซึ่งปรากกฎเป็นคลิบรถ SUV ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน กพ 2599 นครปฐม เลี้ยวเข้าประตูองค์พระปฐมเจดีย์ ฝั่งพระนอน แล้วทับร่างชายที่นั่งอยู่ตรงลานจอดรถ เป็นภาพสยอง จากนั้นได้เคลื่นจอดรถเข้าที่จอดและมีการนิมนต์สามเณร มาดูเหตุการณ์ ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่ของวัดพระปฐมเจดีย์ จะเข้ามาดูเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ประสานเรียกรถกู้ชีพ ก่อนที่หญิงคนขับจะเดินออกจากประตูและภาพได้ตัดไป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการ วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเป็นวงกว้างในพื้นที่รอบองค์พระปฐมเจดีย์และในจังหวัดนครปฐมกับภาพเหตุการณ์ดังกล่าว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามข้อมูลบริเวณจุดเกิดเหตุโดยพบว่าเป็นประตูฝั่งทิศตะวันตกตะวัน หรือที่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่จะเรียกกันว่าประตูฝั่งพระนอนอยู่ตรงข้ามกับตลาดโต้รุ่ง โดยพื้นที่ดังกล่าวยังพบเป็นรอยล้อรถเลี้ยวเป็นทางยาวบนพื้นถนนและมีกลองเลือดสองกองของผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยข่าวได้ประสานขอทราบข้อมูลจากคนที่เห็นเหตุการณ์ในบริเวณดังกล่าวบอกว่า จากภาพวงจรปิดที่เกิดขึ้นเป็นช่วงเวลาประมาณ 7 โมงเศษของเช้าวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยชายคนดังกล่าวเป็นลักษณะของคนเร่ร่อนที่จะมานั่งอยู่บริเวณดังกล่าวก่อนวันที่จะเกิดเหตุประมาณเจ็ดถึงแปดวัน โดยมีลักษณะเป็นชายที่อายุราว 60 ปีเศษ และท่าทางเดินไม่สะดวกต้องใช้ไม้เท้า ค้ำสำหรับเดินพยุง
โดยผู้ที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าในช่วงจังหวะดังกล่าวรถยนต์ตามภาพที่ปรากฏในคลิปได้ขับเคลื่อนตัวเลี้ยวขวาเข้ามาผ่านปากประตูและกำลังเลี้ยวขวาอีกครั้งเพื่อที่จะไปกลับรถเป็นจังหวะที่คุณลุงคนดังกล่าวนั่งอยู่กับพื้นซึ่งรถไม่ได้มาด้วยความเร็วแต่ได้มีการเลี้ยวแล้วไปทับ คุณลุงคนดังกล่าวก่อนจะมีการเบรคและเคลื่อนตัวไถไปอีกประมาณสองถึง 3 เมตรโดยมีเสียงของผู้ได้รับบาดเจ็บร้องครวญครางลั่นตามคลิปที่ปรากฏ จากนั้นคนขับรถได้ตั้งวงรถและถอยหลังจอดเข้าที่จนจบแล้วเดินลงมาเห็นว่ามีการเหยียบทับคนไปแล้วจากนั้นได้เดินไปนิมนต์เณรให้มาช่วยดูเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจังหวะเดียวกับที่มีประชาชนได้ผ่านไปมาและเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งสามเณรรุ่นดังกล่าวก็ยังเกิดอาการงงและยังสับสนทำอะไรไม่ถูก ก็จะจะมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงบริเวณดังกล่าวได้โทรประสานเรียกเจ้าหน้าที่ มูลนิธิ สุขศาลานุเคราะห์ นครปฐม ให้เข้ามารับตัวชายดังกล่าว โดยจากจุดที่เห็นพบว่าร่างได้ถูกล้อรถทางด้านหน้าซ้ายมือทับตั้งแต่บริเวณหัวไหล่พลาดไปจนถึงลำตัว ซึ่งคิดว่าน่าจะมีอาการสาหัส ส่วนหญิงคนดังกล่าวทราบว่าเป็นลูกศิษย์ ที่จะเป็นโยมนิยมจะมาทำบุญที่องค์พระปฐมเจดีย์เป็นประจำ เมื่อได้สอบถามว่าหลังเกิดเหตุเจ้าตัวไปไหนได้อ้างว่าได้ขึ้นรถไปทำบุญต่อที่จังหวัดราชบุรี ทางเจ้าหน้าที่ของวัดองค์พระปฐมเจดีย์จึงได้โทรประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุและทำการยกรถคันดังกล่าวออกไป
ขณะที่มีกระแสวิจารณ์ต่างๆนานาว่าลักษณะการชนดังกล่าวเป็นลักษณะการชนที่ดูสยองและหดหู่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดหญิงคนขับรถคันดังกล่าวจึงไม่ไม่อยู่ดูเหตุการณ์และให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับประสบเหตุก่อนที่จะเดินทางไปที่อื่น และเกิดกระแสวิจารณ์เป็นวงกว้าง ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐมได้ทำการยึดรถไปตรวจสอบและได้มีการประสานทางข้อกฎหมาย ไว้แล้ว กระทั่งวันนี้ได้มีคลิปดังกล่าวปรากฏออกมาซึ่งมีกระแสวิจารณ์อีกว่ามีคนยืนดูซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงชัดเจนว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมีการประสานงานแจ้งให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิมารับตัวคนเจ็บไปแล้วแต่ช่วงดังกล่าวเป็นวันหยุด และช่วงเช้าตรู่มีการจราจรรอบเมืองที่ติดขัดอย่างจึงทำให้มีการรับช้ากว่าที่เคยเป็นปกติ และไม่ได้มีการทอดทิ้งชายคนดังกล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ลองสำรองเหตุการณ์ในการเลี้ยวเคลื่อนตัวผ่านประตูดังกล่าวว่าจะมองเห็นชายผู้ที่ถูกชนได้ชัดเจนหรือไม่ซึ่งเป็นไปได้ว่าในลักษณะที่รถขึ้นเนินมาแล้วกำลังตั้งลำด้วยความสูงของรถอาจจะทำให้หญิงคนดังกล่าวมองไม่เห็นชายที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ได้โชคดีที่ไม่ได้ใช้ความเร็ว สูงจึงทำให้การชนไม่ได้สร้างเหตุสะเทือนใจในที่เกิดเหตุทันที
นายนาย (นามสมตติ) อายุ 25 ปี พ่อค้าที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวบอกว่าตนเองได้เข้ามาดูที่เกิดเหตุในวันนี้เนื่องจากเห็นคลิปเมื่อช่วงเช้าซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจและหดหู่กับชายเร่ร่อนที่ประสบเหตุแต่สิ่งหนึ่งที่น่าสงสัยก็คือเมื่อมีการขับรถทับสิ่งผิดปกติแล้วควรจะหยุดลงมาดูไม่ใช่ดันทุลังขับต่อไปจนทำให้ชายคนดังกล่าวบาดเจ็บสาหัส หนึ่งคือเหตุใดหญิงคนดังกล่าวเมื่อเกิดเหตุแล้วยังไม่มีมีการเข้ามารอประสานงานช่วยเหลือคนที่ถูกชนให้จบสิ้นแต่กลับเดินออกไปเหมือนมีธุระและมีเรื่องที่สำคัญกว่าซึ่งเรื่องนี้ประชาชนก็ได้แสดงความเป็นห่วงและตั้งข้อสงสัยหลายเรื่อง และเรื่องนี้ก็อยากจะให้หน่วยงานโดยเฉพาะโรงพยาบาลนครปฐมที่รับตัวไปดูแลช่วยเหลือเยียวยาชายคนดังกล่าวให้ดีที่สุดเนื่องจากเป็นสิ่งที่น่าสงสารและคนทุกคนควรจะได้รับสิทธิในการดูแลอย่างเท่าเทียม ซึ่งตอนนี้มีกระแสข่าวว่าชายคนดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้วซึ่งไม่ทราบว่าจริงหรือไม่
ขณะที่นายคม (นามสมมติ) อายุ 59 ปี บอกว่าตนเองมาตั้งร้าน หลังจากที่เกิดเหตุ แต่ก็เห็นชายคนดังกล่าวน่าจะเป็นคนเร่ร่อนซึ่งจะเดินไปเดินมาเข้าออกอยู่ตลอดทั้งวันแต่ลักษณะเป็นคนที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงต้องใช้ไหมไผ่มาเป็นเครื่องมือคอยพยุงตัวให้เดินไปและจากคลิปที่เห็นก็รู้สึกว่าน่ากลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เรื่องอื่นพูดมากไม่ได้เพราะไม่ได้เห็นเหตุการณ์แต่เห็นชายคนดังกล่าวมาอยู่ก่อนเกิดเหตุเพียงไม่นานก็ประสบเหตุ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ประสานไปยังโรงพยาบาลนครปฐม เพื่อสอบถามอาการของชายคนดังกล่าวโดยเบื้องต้นพบว่าได้ถูกรับตัวมาเมื่อเช้าวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยสภาพทั่วไป พบบาดแผลจากเหตุตอนนี้เบื้องต้นคือมีอาการหลังหักโดยพรุ่งนี้เช้าจะมีการเตรียมตัวทำการผ่าตัดให้ซึ่งทางญาติก็ได้เดินทางมาจากจังหวัดพิษณุโลกคาดว่าจะถึงภายในวันนี้ และจากการ รับมารักษาตัวพบว่ามีอาการเสียเลือดก็ได้มีการให้เลือดและพบว่ามีมีปัญหาทางด้านโรคหัวใจโดยมีการทำเอคโค่ตรวจสอบระบบหัวใจแล้วได้แจ้งให้ญาติทราบมา ซึ่งชายคนดังกล่าวอายุถึง63 ปีก็จะทำให้มีโรคประจำตัว ที่ต้องรักษาไปด้วยซึ่งทาง ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลนครปฐมได้ทราบเรื่องดังกล่าวและได้ยืนยันว่าจะมีการดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันอย่างดีที่สุดซึ่งเมื่อวานนี้ผู้ป่วยไม่สามารถทานอาหารเองได้ก็มีการป้อนอาหารให้และดูแลเป็นอย่างดีส่วนอาการต้องมีการประเมินต่อไปจากทีมแพทย์เฉพาะทาง