Authority & Harm

ในหลวงพระราชทานอภัยโทษ8.1หมื่นคน โอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา28ก.ค.68



กรุงเทพฯ-เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่าในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

ตามพระราชกฤษฎีกาฯ ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นดีขึ้นไป ที่ต้องรับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดหรือไม่น้อยกว่า 8 ปีโดยนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจะได้รับการลดโทษในอัตราส่วนมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับชั้นนักโทษเด็ดขาดและฐานความผิดกรณีผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติจะได้รับการลดโทษ 1 ใน 3 จากกำหนดโทษที่เหลืออยู่นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ ในส่วนของผู้ต้องราชทัณฑ์ที่เป็นผู้ต้องกักขังผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ รวมถึงผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติและนักโทษเด็ดขาดคดีอาญาทั่วไป อาทิ เป็นคนเจ็บป่วย พิการ ชราภาพ หรือเหลือโทษไม่มาก(ไม่เกิน 1 ปี) ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของพระราชกฤษฎีกานี้ จะได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไปโดยการพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับการปล่อยตัวและลดโทษประมาณ 81,000 คน

นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แก่พสกนิกรที่เป็นผู้ก้าวพลาด ให้ได้รับโอกาสในการเริ่มต้นชีวิตใหม่และประพฤติตนเป็นพลเมืองดีของสังคมกรมราชทัณฑ์พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคนที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ และจะพ้นโทษในคราวเดียวกันตามพระราชกฤษฎีกานี้จะต้องผ่านการอบรมโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว“โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ที่มีการอบรมในหลักสูตรฝึกปฏิบัติการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้มีความรู้ติดตัว สามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ รวมทั้งร่วมมือกับเครือข่ายภาคสังคมและชุมชน ในการติดตามดูแลและให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้ผู้ก้าวพลาดได้สร้างคุณค่าในตนเอง สามารถประกอบอาชีพสุจริต โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก อันถือเป็นการป้องกันและคุ้มครองสังคมให้มีความปลอดภัยอย่างยั่งยืนต่อไป