EDU Research & Innovation

NIAเชื่อมเครือข่ายนวัตกรรมไทย-ยุโรป ตั้งเป้าดันเงินลงทุนเสริมแกร่งใน3ส่วน



กรุงเทพฯ 30 กรกฎาคม 2568 -สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เดินหน้ายกระดับสตาร์ตอัปและผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยให้เติบโตสู่เวทีโลก ภายใต้บทบาท “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม” เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับประเทศที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมแข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรปผ่านโครงการความร่วมมือกับหลากหลายประเทศ เช่น สวีเดน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจนวัตกรรมไทยเข้าถึงตลาด โครงสร้างพื้นฐาน และแหล่งทุนระดับโลก พร้อมยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า หนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของนวัตกรรมไทยคือการสร้างการยอมรับในระดับสากล ตลอดจนการขยายตลาดและสร้างโอกาสให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรมไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ จึงเป็นโจทย์ที่ NIA กำหนดให้เป็นแนวทางส่งเสริมสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอีไทยให้สามารถก้าวสู่เวทีโลกมากขึ้น ผ่านการทำงานเชิงรุกทั้งการสร้างความร่วมมือกับประเทศชั้นนำด้านนวัตกรรมเพื่อเชื่อมโยงกับเงินทุน โครงสร้างพื้นฐานระดับสากล โอกาสทางธุรกิจและเครือข่ายพันธมิตร ตลอดจนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับศักยภาพนวัตกรรมไทยให้เติบโตและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา NIA ได้เชื่อมโยงเครือข่ายนวัตกรรม สร้างความร่วมมือ และทำงานกับหน่วยงานพันธมิตรจากหลากหลายประเทศอย่างเข้มข้น เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ บุคลากร สร้างโอกาสการขยายธุรกิจและการระดมทุน รวมถึงสร้างช่องทางและพื้นที่ให้นวัตกรรมไทยได้มีโอกาสไปโชว์ศักยภาพในเวทีระดับนานาชาติ โดยเน้นทำงานกับกลุ่มประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับนวัตกรรมไทยทั้งมิติเศรษฐกิจและสังคม

ดร.กริชผกา กล่าวเพิ่มเติมว่า NIA ได้ดำเนินโครงการ Scaleup Impact! Thailand-Sweden Global Startup Acceleration Program ซึ่งเป็นความร่วมมือของ NIA และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม เพื่อบ่มเพาะและเร่งสร้างสตาร์ตอัปไทยในสาขา Impact Tech ที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมสู่การเชื่อมโยงเครือข่ายในตลาดนอร์ดิกได้เพิ่มขึ้นผ่านกิจกรรม “Thailand Pitch Day” โดยมีสตาร์ตอัปไทยในสาขาการแพทย์และสุขภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เทคโนโลยีเชิงลึก ดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ (AI) IoT และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ จำนวน 12 ทีม เข้าร่วมโชว์ศักยภาพและนำเสนอไอเดียธุรกิจสุดเข้มข้นต่อนักลงทุน ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนในภูมิภาคนอร์ดิก หน่วยงานภาครัฐของไทยและสวีเดน เครือข่ายภาคธุรกิจ และกลุ่มคนไทยในสวีเดนเข้าร่วมงานกว่า 100 คน ทั้งยังเป็นโอกาสในการแสวงหาแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน เนื่องจากตลาดดังกล่าวมีการระดมทุนจากแหล่งเงินทุนภายในเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29.6 เป็นร้อยละ 38.3 และมีความมั่นคงในระยะยาว โดยกลุ่มที่มีการลงทุนสูงสุดได้แก่ พลังงาน/เทคโนโลยีสีเขียว วิทยาศาสตร์ชีวภาพปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งรอบการระดมทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุน และเป็นภาคส่วนที่ใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรปสำหรับการระดมทุนของสตาร์ตอัป โดยมีจำนวนดีลเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 และกลุ่ม Fintech & Enterprise Solutions และ Robotics โดยเฉพาะในเดนมาร์กที่มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมหุ่นยนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึง Gaming หนึ่งในอุตสาหกรรมที่กลุ่มนอร์ดิกมีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาความแข็งแกร่งของระบบนิเวศสตาร์ตอัปและนวัตกรรมนอร์ดิก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและการสนับสนุนจากภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงโครงสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และการลงทุนที่เหนียวแน่น ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนานโยบายของไทยได้ในอนาคต เช่น เงินทุนสนับสนุน เงินกู้ โครงการเร่งการเติบโต วีซ่าผู้ประกอบการ ฯลฯ โดยจากการติดตามผลการดำเนินงานภายหลังเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว คาดการณ์ว่าสตาร์ตอัปจะสามารถสร้างรายได้หรือได้รับการลงทุนมูลค่ากว่า 25 ล้านบาท

โครงการ Vienna Startup Package โปรแกรมสนับสนุนผู้ประกอบการจากต่างประเทศของกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง NIA กับ Vienna Business Agency และ Advantage Austria โดยเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปจากทั่วทุกมุมโลกได้เข้าไปอยู่ในระบบนิเวศสตาร์ตอัปของเวียนนา เพื่อทดลองตลาดและสำรวจโอกาสทางธุรกิจในยุโรป ซึ่ง NIA ได้ส่ง 3 สตาร์ตอัปไทย ได้แก่ Tasted Better แป้งทางเลือกที่มีค่าดัชนีน้ำตาล ซึ่งสามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทสำเร็จ อยู่ระหว่างการขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่น Botnoi ผู้ให้บริการเทคโนโลยี AI แบบครบวงจร ทั้ง AI Chatbot, AI Voicebot, Data Scientist และให้คำปรึกษาด้าน AI โดยมีโอกาสนำร่องร่วมกับสถานทูตไทยในกรุงเวียนนา และยังได้เข้าร่วมกับองค์กรส่งเสริมการค้าอย่างเป็นทางการของออสเตรีย ‘Advantage Austria’ ในไทย ที่เปิดโอกาสการเข้าถึงโครงการสนับสนุนและเครือข่ายด้านการค้าและการลงทุน และล่าสุด Moom สตาร์ตอัปด้านครีเอทีฟเทคที่ใช้เทคโนโลยี Regenerative AI ช่วยวางแผนและแก้ปัญหาการออกแบบภายใน ได้เข้าร่วมงาน ViennaUp 2025 ที่จัดขึ้นเพื่อรวบรวมสตาร์ตอัป นักลงทุน บริษัทขนาดใหญ่ นักสร้างสรรค์ ผู้ที่สนใจเทคโนโลยี หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างเครือข่าย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างความร่วมมือ ผ่านเวทีสัมมนา กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ และกิจกรรม Startup Pitches ของสตาร์ตอัปออสเตรียและนานาชาติในสาขา GreenTech และ DeepTech

NIA ยังได้หารือกับองค์กรส่งเสริมนวัตกรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือ Innosuisse เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมและสตาร์ตอัป และการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดย Innosuisse เป็นหน่วยงานสนับสนุนเงินทุนเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงระหว่างภาควิจัย ภาคธุรกิจ และเครือข่ายนวัตกรรมระดับโลก ตลอดจนการให้คำปรึกษาและการฝึกอบรม นอกจากนี้ ยังขับเคลื่อนโครงการนวัตกรรมขนาดใหญ่ที่เชื่อมภาคธุรกิจกับงานวิจัย การให้ทุนสนับสนุนเอสเอ็มอี ตรวจสอบแนวคิดนวัตกรรม รวมถึงการสนับสนุนสตาร์ตอัปที่พร้อมขยายตลาดผ่านโปรแกรม Scale-Up Coaching เรียกได้ว่ามีบทบาทและพันธกิจสอดคล้องกับ NIA ทั้งการผลักดันนวัตกรรมผ่านกลไกสนับสนุนทางการเงิน การฝึกอบรม บ่มเพาะ การให้คำปรึกษาผู้ประกอบการ และสร้างเครือข่ายกับนานาชาติ ทั้งนี้ ยังได้หารือกับเครือข่ายอุทยานนวัตกรรมสวิตเซอร์แลนด์ตะวันตก (Switzerland Innovation Park Network West EPFL)เพื่อสนับสนุนและพัฒนาผู้ประกอบการและดีพเทคสตาร์ตอัปไทยผ่านโครงการ Swisstech Discovery Program โดยเฉพาะโปรแกรม Soft-Landing ที่เปิดโอกาสให้บริษัทต่างชาติเข้าถึงระบบนิเวศของสวิตเซอร์แลนด์ โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งบริษัทในประเทศ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ เช่น พื้นที่ทำงานในอุทยายนนวัตกรรม การให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ และการเข้าถึงเครือข่ายของ EPFL, Campus Biotech, และพันธมิตรชั้นนำทั่วโลก โดย NIA มีโครงการ Startup Thailand และ Global Startup Hub ที่สามารถต่อยอดความร่วมมือกับ EPFL Innovation Park เพื่อแลกเปลี่ยนบริการสนับสนุนดีพเทคสตาร์ตอัประหว่างสองประเทศ และช่วยให้สตาร์ตอัปไทยได้เรียนรู้และเติบโตในตลาดระดับสากล ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการเปิดประตูให้สตาร์ตอัปไทยได้เรียนรู้ เติบโต และขยายโอกาสในระดับสากลผ่านระบบนิเวศนวัตกรรมที่เข้มแข็งของสวิตเซอร์แลนด์

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ NIA ได้สร้างเครือข่ายพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมไทย เพื่อ ‘ปักหมุดแบรนด์นวัตกรรมไทย’ ให้กลายเป็นที่ยอมรับในระดับสากลที่ไม่เพียงเร่งการเติบโตของนวัตกรรมในประเทศ แต่ยังส่งต่อศักยภาพสู่ตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม ดร.กริชผกา กล่าวทิ้งท้าย