Think In Truth

อารยสถาปัตย์อุทยานเขาใหญ่: มิติใหม่ ประเทศไทย โดย...'อลงกรณ์ พลบุตร'



จากวิชั่นสู่แอคชั่นจุดเปลี่ยนประเทศไทยโมเดลต้นแบบ“อารยสถาปัตย์อุทยานเขาใหญ่”มิติใหม่การท่องเที่ยวธรรมชาติเพื่อทุกคน (Tourism for all)

“…นี่ไม่ใช่ภาพในฝัน แต่เป็น”ปรากฏการณ์จริง“ของการท่องเที่ยวโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No One Behind) ภายใต้แนวคิด "อารยสถาปัตย์ทางธรรมชาติ" (Universal Design in Nature) ที่จะพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยสู่มิติใหม่แห่งความเท่าเทียมและยั่งยืน…”อลงกรณ์ พลบุตร 31 กรกฎาคม 2568

แสงอรุณแรกเริ่มที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ฉายแสงลงบนทางลาดที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปตามภูมิทัศน์ ผู้ใช้รถเข็นคนหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้าสู่จุดชมวิวกิโลเมตรที่ 30 โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือ  นี่ไม่ใช่ภาพในฝัน แต่เป็น”ปรากฏการณ์จริง“ของการท่องเที่ยวโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No One Behind) ภายใต้แนวคิด "อารยสถาปัตย์ทางธรรมชาติ" (Universal Design in Nature) ที่กำลังพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยสู่มิติใหม่แห่งความเท่าเทียมและยั่งยืน

การเปิด “โมเดลอารยสถาปัตย์ทางธรรมชาติ”แห่งแรกของไทยเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 โดยดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)มีผู้เข้าร่วมจากผู้แทนภาคส่วนต่างๆอาทินายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ทส.  นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  นายชานน วาสิกศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก  และนายกฤษณะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล เป็นต้น

ดร.เฉลิมชัย“และคณะได้ร่วมกันเดินสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ออกแบบตามหลัก Universal Design (UD)พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"   โดยกล่าวว่า การจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ มีเป้าหมายสำคัญในการรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้พิการ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็ก ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมสู่สังคมผู้สูงวัยและส่งเสริมการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติอย่างทั่วถึง ตามแนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นอกจากนี้ ยังเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของพื้นที่สำหรับรองรับการแข่งขันกีฬา IWAS Games หรือการแข่งขันกีฬาคนพิการทางการเคลื่อนไหวนานาชาติ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนเมษายน 2569 โดยได้มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินหน้าปรับปรุงอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศให้สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้วีลแชร์ภายในปี 2569

อะไรคืออารยสถาปัตย์ทางธรรมชาติ (Universal Design in Nature) 

เส้นทางธรรมชาติที่ออกแบบตามหลัก"อารยสถาปัตย์ (UD : Universal Design in Nature)”เป็นเส้นทางที่สร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียม โดยไม่แบ่งแยกอายุ ความสามารถทางกายภาพ หรือสภาพร่างกาย เน้นการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติอย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย โดยประยุกต์หลักการ 7 ประการของ Universal Design 
1.ความเท่าเทียม (Equitable Use)เช่น ทางลาดแทนบันไดสำหรับผู้ใช้รถเข็น  
2.ความยืดหยุ่น(Flexibility in Use)เช่นทางเดินกว้างพอสำหรับรถเข็นและคนเดินสวนกัน  
3.ใช้งานง่าย(Simple and Intuitive Use)เช่น ป้ายสื่อสารด้วยสัญลักษณ์และอักษรเบรลล์  
4.ข้อมูลเข้าใจง่าย(Perceptible Information)เช่น ระบบเสียงนำทางสำหรับผู้พิการทางสายตา  
5.ลดข้อผิดพลาด(Tolerance for Error)เช่นพื้นกันลื่น ราวจับป้องกันการตก  
6.ประหยัดแรง(Low Physical Effort)เช่นทางลาดความชันไม่เกิน 1:12  
7.พื้นที่เหมาะสม(Size and Space for Approach and Use)เช่นจุดพักและพื้นที่หมุนรถเข็น  

สำหรับมุมมองส่วนตัวผู้เขียนขอเพิ่มข้อ8.คือการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลและปัญญาประดิษฐ์(AI:Artificial e)ในการพัฒนาอารยสถาปัตย์ ตัวอย่างUDต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา  อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ทำเส้นทางไม้กระดาน (Boardwalk) พร้อมราวจับและป้ายข้อมูลอักษรเบรลล์รอบบ่อน้ำพุร้อน   และEd Roberts Campusในแคลิฟอร์เนียจัดทำทางลาดโค้งรูปเกลียวสีแดงสำหรับวีลแชร์  มีปุ่มกดลิฟต์แบบ Hands-free  และใช้วัสดุต่างสีตัดกันชัดเจนสำหรับผู้พิการทางสายตา   

ส่วนญี่ปุ่นใช้แนวคิด "Barrier-Free"เช่นทำทางลาดในสวนสาธารณะและสถานีขนส่ง  และพื้นผิวเตือนทางเดิน (Tactile Paving) สำหรับผู้พิการทางสายตา ทั้งนี้ญี่ปุ่นมีกฎหมายบังคับใช้ในอาคารใหม่ตั้งแต่ทศวรรษ 1990   เช่นเดียวกับอิสราเอลที่มีกฎหมาย Universal Designบังคับใช้ในอาคารสาธารณะใหม่และออกแบบเมือง(City Design)รองรับผู้พิการ

จุดเปลี่ยนสำคัญของไทย: เมื่ออุทยานเขาใหญ่เป็นโมเดลต้นแบบ  

ภายใต้วิสัยทัศน์และนโยบายของรัฐมนตรี ทส.กำหนดให้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็น ต้นแบบอารยธรรมสถาปัตย์ทางธรรมชาติแห่งแรกของไทย โดยเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างน้อย 4 ประเภทในเฟสแรก
1. ทางลาดวีลแชร์ ที่ด่านตรวจศาลเจ้าพ่อ  
2. ห้องน้ำผู้พิการพร้อมราวจับความสูงมาตรฐาน  
3. ป้ายข้อมูลชัดเจน ระบบอักษรเบรลล์และเสียงบรรยาย  
4. พื้นผิวกันลื่น บริเวณจุดชมวิวกม.30 และอ่างเก็บน้ำสายศร   
โดยมอบหมายนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ เป็นผู้รับผิดชอบ

แม้ “เขาใหญ่” จะเป็นก้าวแรก แต่แผนงานระยะต่อไปกำลังขยายผลอย่างเป็นระบบ
1.ใช้เป็นเวทีแสดงศักยภาพการท่องเที่ยวเพื่อทุกคนในงาน  IWAS Games 2026
2.UD Corridor เชื่อมเส้นทางอารยสถาปัตย์ระหว่างอุทยานแห่งชาติ เช่น เส้นทางเขาใหญ่-ทับลาน  
3.ชุมชนมีส่วนร่วม ฝึกอบรมชาวบ้านเป็น “ผู้ช่วยนักท่องเที่ยวพิการ”สร้างงานและรายได้ท้องถิ่น   
4.ขยายความร่วมมือทุกเครือข่ายเช่นมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล  
5.ขยาย“โมเดลอารยสถาปัตย์เขาใหญ่”เป็นต้นแบบการพัฒนา

อุทยานแห่งชาติทั้งทางบกและทางทะเลเช่นหมู่เกาะพีพี ธารโบกขรณี ดอยอินทนนท์ แก่งกระจาน ดอยผ้าห่มปกและหมู่เกาะทะเลอันดามัน เป็นต้น

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทส. ย้ำว่าภายในปี 2569 อุทยานแห่งชาติทุกแห่งจะต้องปรับปรุงให้รองรับผู้ใช้วีลแชร์ได้ครบ 100% และขยายโมเดลเขาใหญ่สู่ อุทยานแห่งชาติ 155 แห่งภายใน 5 ปี ภายใต้แคมเปญ “Tourism for All”  

สอดรับคำกล่าว"ทางลาดไม่ใช่แค่ทางเดิน...แต่เป็นสะพานเชื่อมความเท่าเทียม"โดย ศ.ดร.คมกฤต เล็กสกุล แห่งสกสว. และคำแถลง"ความงามที่แท้จริงคือการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัส"ของนางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ประกาศยุทธศาสตร์ "The New Thailand" ยกระดับการท่องเที่ยวด้วยคุณค่า (Value over Volume) 
และคำกล่าวของคุณกฤษณะ ละไล

ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล “…กลุ่มคนพิการในทุกวงทั่วโลกทุกการพัฒนาทั้งในอดีตและการออกแบบตึกอาคารสถานที่ คนพิการหรือมนุษย์ล้อทั้งหลายมักจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกลืม และที่น่าเศร้ากว่านั้นอีก คือ กลุ่มคนพิการก็มักเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะถูกนึกถึง..”

สรุป 
การเปิดเส้นทาง UD ที่เขาใหญ่ไม่ใช่แค่ “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน”แต่คือ “การออกแบบและขับเคลื่อนมิติใหม่ของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ”ที่เปลี่ยนทรัพยากรธรรมชาติจากพื้นที่เฉพาะกลุ่มให้เป็นของทุกคน ภายใต้การขับเคลื่อนและวิชั่น”ทุนทางอารยธรรม“ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยการนำของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนบนความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของพันธมิตรเครือข่าย

พร้อมกับพิสูจน์ว่า "การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" ไม่ใช่แค่สโลแกน แต่เป็นกลไกเพิ่มศักยภาพอัพเกรดการท่องเที่ยวที่มีมูลค่า 1.78 ล้านล้านบาทด้วยมิติอารยสถาปัตย์ธรรมชาติให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดการเติบโตของนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติในอุทยาน UD จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า "การท่องเที่ยวเพื่อทุกคน" (Tourism For All)สร้างกำไรหลายมิติทั้งคุณค่าทางสังคมชุมชน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ  ซึ่งจะเป็นหมุดหมายสำคัญที่ไทยก้าวสู่การเป็น 1 ใน 10 ประเทศรายได้ท่องเที่ยวสูงสุดของโลกเป็นประเทศที่มีคนอยากมาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกและเป็นแหล่งท่องเที่ยวอารยสถาปัตย์ทางธรรมชาติแห่งเอเชีย.