Biz news

ทิพยประกันภัยสืบสานงานพระพันปีหลวง ต่อยอดซอฟท์พาวเวอร์ 'นุ่งซิ่นกินทุเรียน'



กรุงเทพฯ-บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดโครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา” ครั้งที่ 55 ภายใต้ธีม “ผู้นำซอฟต์พาวเวอร์ไทย ร้อยใจเพื่อแผ่นดิน” นำคณะผู้เข้าร่วม “นุ่งซิ่น กินทุเรียน” พร้อมเรียนรู้คุณค่าแห่งผ้าซิ่นตีนจก ไท-ยวน ลับแล และวิถีชีวิตชุมชน พร้อมทั้งสืบสานแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

เนื่องในโอกาสมหามงคลเดือนสิงหาคม อันเป็นเดือนแห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงในการฟื้นฟูและส่งเสริม “ผ้าไทย” ให้เป็นเอกลักษณ์ที่ทั่วโลกยอมรับในฐานะ Soft Power ของชาติ การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นการเชื่อมโยงศาสตร์พระราชาเข้ากับการสืบสานศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น และสร้างความตระหนักถึงพลังของภูมิปัญญาไทยที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ไฮไลท์หลักของการจัดโครงการในครั้งนี้ อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ผ้าซิ่นตีนจก ไท-ยวน ลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาการทอผ้าพื้นเมืองที่สืบทอดมากว่าร้อยปี รวบรวมผ้าซิ่นโบราณล้ำค่าและเรื่องราวการสร้างสรรค์ลวดลายอันประณีต สะท้อนเอกลักษณ์และเสน่ห์วัฒนธรรมไท-ยวนที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และต่อยอดเป็น Soft Power ของไทย ครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ณ โรงเรียนพนมมาศ จังหวัดอุตรดิตถ์ ชาวบ้านได้พร้อมใจกันทูลเกล้าฯ ถวายผ้าซิ่นตีนจก และพระพันปีหลวงได้ทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าซิ่นนั้นทันที เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและสัญลักษณ์แห่งพระราชหฤทัยที่ทรงหวงแหนและส่งเสริมผ้าไทยให้เป็นที่ภาคภูมิใจของคนทั้งชาติ

ผู้เข้าร่วมได้ฟังบรรยายจาก “ครูโจ” ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ เกี่ยวกับประวัติและภูมิปัญญาการทอผ้าซิ่นตีนจกอันประณีต ซึ่งไม่เพียงเป็นมรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังสะท้อน Soft Power ของไทยที่สามารถสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและยกระดับชุมชนได้อย่างแท้จริง

คุณวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การจัดโครงการครั้งนี้ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสะท้อนพลังของศาสตร์พระราชาที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งในมิติการอนุรักษ์วัฒนธรรม การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการสร้าง Soft Power ไทย เพราะภูมิปัญญาพื้นบ้าน อย่างผ้าซิ่นตีนจกไม่ใช่เพียงผืนผ้า แต่คือเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความพอเพียง และนวัตกรรมที่เชื่อมร้อยชุมชนเข้ากับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”

ครั้งนี้ทางโครงการยังได้พาผู้เข้าร่วมไปเยี่ยมชมเขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ การชลประทาน และการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่าน โครงการที่สืบเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ตลอดระยะเวลากว่า 48 ปีที่ผ่านมา เขื่อนได้มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาคเหนือตอนล่าง ทั้งการเกษตร การประมง รวมถึงการท่องเที่ยวชุมชน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโครงสร้างพื้นฐานที่สะท้อนพระปรีชาสามารถ และพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการพัฒนาทรัพยากรน้ำเพื่อประโยชน์สุขของปวงชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ทางโครงการยังจัดให้มีการสัมมนาและเวิร์คช็อปเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแบ่งปันความรู้ อาทิ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี และอาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม ที่ปรึกษาและอดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย ผู้คิดค้นนวัตกรรมสื่อการสอนสำหรับเยาวชนในศตวรรษที่ 21 หรือ Interactive Board Game หนึ่งเดียวในโลก เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2030

คณะผู้ร่วมโครงการยังได้ประกอบกิจกรรมทางศาสนา ณ วัดพระแท่นศิลาอาสน์ พระอารามหลวง วัดสำคัญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเชื่อกันว่าเป็นพุทธสถานที่พระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ในภัทรกัปนี้เสด็จมาประทับนั่ง และยังเป็นสถานที่ซึ่งพระมหากษัตริย์ทั้งในสมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์เสด็จมากราบสักการะสืบต่อกันมา กิจกรรมในครั้งนี้มีพิธีถวายผ้าไตรทรงอธิษฐานจิต ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเทียนพรรษาพระราชทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วม

อีกทั้งยังได้จัดกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม อาทิ การมอบหนังสือจาก “โครงการอ่านพลิกชีวิต” ของบริษัท อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จำกัด ให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และปลูกฝังนิสัยรักการอ่านแก่เยาวชน รวมถึงการมอบทุนการศึกษาจากมูลนิธิธรรมดี เพื่อสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กนักเรียนในท้องถิ่น อีกทั้งคณะยังได้ร่วมปล่อยปลา 9 สายพันธุ์ จำนวน 9,999 ตัว ณ เขื่อนสิริกิติ์ ในกิจกรรมสร้างมหาทานบารมีครั้งที่ 405 ซึ่งเป็นการสืบสานวัฒนธรรมการทำบุญอันเป็นสิริมงคล ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำและเสริมสร้างระบบนิเวศให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย มูลนิธิธรรมดี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งต่อไปสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ เฟซบุ๊ก: ตามรอยพระราชา-The King's Journey โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรซึ่งสามารถนาไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตนเองในการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจากคุรุสภาได้