In News
รมต.กสิกรรมฯลาวเข้าหารือรองฯประเสริฐ ทวงความคืบหน้า'เขื่อนสานะคาม-ภูงอย'

กรุงเทพฯ-รองนายกฯ ประเสริฐ หารือ รมว.กระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อม สปป. ลาว สนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การวางแผนด้านพลังงานและการพัฒนาเพื่อสร้างความยั่งยืนร่วมกัน
วันนี้ (วันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2568) เวลา 10.30 น. ณ ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล รศ.ดร.ลินคำ ดวงสะหวัน (H.E. Assoc. Prof. Dr. Linkham Douangsavanh) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สมาชิกคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงแห่งชาติลาว เข้าเยี่ยมคารวะนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อมแห่ง สปป.ลาว ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และในฐานะสมาชิกคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงแห่งชาติลาว ยินดีที่ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและ สปป. ลาว ดำเนินไปอย่างใกล้ชิดและราบรื่น ทั้งสองประเทศจะร่วมกันพัฒนาความร่วมมือด้านน้ำที่มีอยู่ให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งในระดับทวิภาคีภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่ได้ลงนาม เมื่อเดือนตุลาคม 2567 และความร่วมมือภายใต้กรอบคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission - MRC)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อมฯ กล่าวขอบคุณที่ให้การต้อนรับคณะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดการบริหารน้ำ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประสานงานป้องกันด้านอุทกภัย และการบริหารจัดการเขื่อน พร้อมแสดงความเสียใจกับสถานการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือของไทย จากพายุคาจิกิด้วย
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้
ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มีการจัดตั้งคณะกรรมการการดำเนินงานร่วม (Joint Steering Committee: JSC) ไทย – ลาว เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนความร่วมมือ โดยเฉพาะในสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำแล้งในแม่น้ำโขง การพัฒนาโครงการร่วม เช่น ระบบเตือนภัยล่วงหน้า และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงกิจกรรมการพัฒนาศักยภาพ ได้แก่ การฝึกอบรม GIS การจัดการน้ำบาดาล และการแลกเปลี่ยนบุคลากร รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้านการพัฒนาอาชีพและรายได้
สำหรับการประสานงานด้านอุทกภัยและโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ เห็นพ้องว่าควรมีการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงรุกเพื่อจัดการกับความเสี่ยงและผลกระทบจากอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพ ใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1) การบริหารจัดการเขื่อนร่วมกัน 2) การแลกเปลี่ยนข้อมูลและระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า และ 3) การยกระดับกลไกความร่วมมือ เพื่อลดความเสี่ยงจากอุทกภัย บรรเทาผลกระทบจากการบริหารจัดการเขื่อน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้ง 2 ประเทศให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน โดยในส่วนของไทยได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานและผลักดันความร่วมมือต่อไป
โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม และเขื่อนภูงอย สปป. ลาว รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยไม่ได้นิ่งเฉย ที่ผ่านมาได้ดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้กระบวนการทั้งในประเทศและกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขงมาโดยตลอด ซึ่งในวันที่ 5 กันยายน 2568 ที่จะถึงนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (TNMCS) จะแจ้งข้อสรุปของฝ่ายไทย ให้คณะทำงานทราบต่อไป
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความมุ่งมั่นของ สปป. ลาว ที่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือในกรอบ MRC และรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับท่านรัฐมนตรีฯ ในฐานะสมาชิกคณะมนตรี เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงาน ของ MRC ให้มีความเข้มแข็งและเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประชาชนในลุ่มน้ำโขง
ในช่วงท้าย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ยินดีร่วมมือและสนับสนุนในการขับเคลื่อนให้การดำเนินงานด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนริมฝั่งแม่น้ำโขง