Health & Beauty
‘ฟันผุ’เป็นปัญหาสุขภาพช่องปากอันดับ1 ทันตแพทย์กระตุ้นคนไทยดูแลช่องปาก

กรุงเทพฯ-Fluocaril (ฟลูโอคารีล) กับพันธมิตรคลินิกทันตกรรมในกิจกรรม “ฟันผุบ๊ายบาย ใช้ชีวิตสบายๆ กับฟลูโอคารีล” เผยข้อมูลปัญหา ‘โรคฟันผุ’ ถือเป็นปัญหาสุขภาพฟันอันดับ 1 หรือนับเป็นอัตรามากกว่า 70% ของกลุ่มคนไข้ที่เข้ารับการรักษา เน้นย้ำความสำคัญของการสร้างพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเชิงป้องกันด้วยการ “แปรงฟันอย่างถูกต้อง-พบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน”
สาเหตุหลักของฟันผุจากคนไข้ที่เข้ารับการรักษา
จากข้อมูลของคลินิกทันตกรรมที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ อาทิ คลินิกทันตกรรมโมลาร์โมลาร์ นครอินทร์, คลินิกทันตกรรมสไมล์ออน บางแค และ คลินิกทันตกรรมสไมล์แท็ก รามคำแหง พบว่า คนไข้ที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคฟันผุ มีการดูแลสุขภาพช่องปากเป็นประจำแต่มักมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุโดยไม่รู้ตัว เช่น การแปรงฟันในระยะเวลาที่สั้นเกินไป การเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์น้อยหรือไม่มีฟลูออไรด์เลย รวมไปถึงการเลือกใช้อุปกรณ์การแปรงฟันที่ไม่เหมาะสมกับโครงสร้างฟันของตนเองและรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็นประจำ นอกจากนี้ยังเน้นการดูแลเชิงรักษามากกว่าการป้องกัน ซึ่งล้วนเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้เกิดโรคฟันผุและค่าใช้จ่ายในการรักษาฟันที่สูงขึ้น
โดยทางคลินิกฯ ได้ชี้ว่าคนไข้ส่วนมากยังไม่ทราบถึงวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเองที่ถูกต้อง รวมถึงมีลักษณะการแปรงฟันที่อาจก่อให้เกิดฟันผุ กล่าวคือ การแปรงฟันในแต่ละครั้งของคนไข้มักเป็นการแปรงฟันเพียงผิวหน้าฟันซึ่งซอกซอนไม่ถึงแนวซี่ฟัน ทำให้ทิ้งคราบหรือเศษอาหารระหว่างซี่ฟันและเหงือกไว้ รวมถึงมักบ้วนน้ำหลังแปรงฟันเกิน 1 ครั้ง ส่งผลให้สารฟลูโอไรด์ในยาสีฟันที่เป็นสารสำคัญในการเคลือบผิวฟันเพื่อป้องกันฟันผุถูกชะล้างออกไปเกิน 50% ทำให้ประสิทธิภาพทำงานของฟลูโอไรด์ลดลง ด้วยเหตุนี้จึงสะท้อนออกมาสู่อัตราการเกิดฟันผุในกลุ่มคนไทยที่มีเปอร์เซ็นต์สูงในทุก ๆ ปี
ทญ.ภาวิดา ภัทรประสิทธิ์ ทันตแพทย์ประจำคลินิกทันตกรรม สไมล์แท็ก รามคำแหง เผยว่า “พฤติกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดฟันผุที่เชื่อว่าหลายคนทราบอยู่แล้วแต่อาจทำอยู่โดยไม่รู้ตัว คือ การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มจุบจิบตลอดทั้งวัน เช่น การดื่มน้ำหวานแบบจิบดื่มระหว่างมื้ออาหาร การบริโภคน้ำตาลเป็นประจำจะทำให้สภาพน้ำลายในช่องปากเป็นกรดตลอดเวลาซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการกัดกร่อนผิวฟันจนเกิดเป็นฟันผุ ดังนั้นแนะนำว่า การรับประทานของหวานสามารถทำได้ แต่ควรจำกัดในมื้อหลักเท่านั้น เพื่อลดโอกาสการเกิดฟันผุ และหลังจากนั้น เมื่อแปรงฟันทุกครั้งในตอนเช้าและก่อนนอน ควรเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ แปรงอย่างถูกวิธี ไม่รีบเร่ง และไม่บ้วนน้ำมากเกินไป เพื่อให้สารฟลูออไรด์เคลือบฟัน ช่วยคืนแร่ธาตุและป้องกันฟันผุอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจะมีบางกรณีที่แม้ว่าสุขภาพเหงือกจะแข็งแรงก็ตามแต่เกิดฟันผุตามซอกฟันซึ่งเป็นจุดที่มองไม่เห็น และหากไม่ได้เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดและรับการรักษา จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ฟันที่ผุแล้วเกิดการติดต่อไปยังฟันซี่อื่น ๆ ให้ผุต่ออีกด้วย”
ผลกระทบที่เกิดจากโรคฟันผุ
ทางคลินิกฯ เปิดเผยว่าในกลุ่มคนไข้ที่มีปัญหาฟันผุในระยะเริ่มต้นนั้น ส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวเนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มีอาการในช่วงแรก และมักเป็นในส่วนซอกฟันที่ยากจะมองเห็นด้วยตนเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฟันผุจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมอย่างทวีคูณ เนื่องจากเป็นการที่เปิดโอกาสให้ร่างกายรับเชื้อโรคที่สะสมในช่องปากได้ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการปวดหรือเสียวฟัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวอาหารของคนไข้ลดลง รวมถึงทำให้มีกลิ่นปากที่ส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิต ซึ่งระยะที่มีอาการนี้เป็นระยะที่คนไข้เข้ามารับบริการรักษาเพื่ออุดฟันกับทางคลินิกมากที่สุด
ทญ. อรณิช ลิขิตอรุณรัตน์ ทันตแพทย์ประจำคลินิกทันตกรรมสไมล์ออน บางแค อธิบายว่า “ถ้าฟันผุทะลุถึงโพรงประสาทฟันแล้ว เชื้อโรคจะเข้าไปตามรากฟัน ลึกเข้าไปในเหงือกก็จะทำให้เกิดเป็นหนองขึ้นมา ในระยะหนองช่วงแรก ๆ ก็จะเป็นตุ่มหนองและจะบวมใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นบริเวณฟันบนจะทำให้หน้าบวม พอบวมมากขึ้น อาจทำให้ตาปิดจนลืมตาไม่ขึ้น แล้วถ้าฟันผุติดต่อไปอีกก็สามารถลุกลามการติดเชื้อโรคเข้าไปในกระแสเลือดหรือว่าสมองได้ จึงถือว่าอันตรายมากและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม คนไข้ควรป้องกันฟันผุตั้งแต่เริ่มแรกเพื่อลดความเสี่ยงนี้ลง”
วิธีการดูแลสุขภาพฟันเพื่อป้องกันโรคฟันผุอย่างมีประสิทธิภาพ
ทันตแพทย์แนะนำให้ผู้บริโภคเริ่มจากการแปรงฟันตนเองที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพและรับคำปรึกษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลเป็นประจำ “เนื่องจากแต่ละบุคคลมีลักษณะช่องปาก การเรียงตัวของฟัน และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ส่งผลให้วิธีการดูแลสุขภาพฟันย่อมแตกต่างกันไปตามความเหมาะสม การเรียนรู้วิธีการดูแลสุขภาพช่องปากผ่านการสอนแบบตัวต่อตัวกับทันตแพทย์และการรับคำแนะนำที่เหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญจึงสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการแปรงฟันที่ถูกต้อง การใช้ไหมขัดฟัน หรือการเลือกใช้อุปกรณ์และยาสีฟันที่เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองได้” ทญ.ปานทิพย์ พจน์ทวีเกียรติ จากคลินิกทันตกรรมโมลาร์โมลาร์ นครอินทร์ กล่าว
การเข้ามาพบทันตแพทย์ จึงมีบทบาทสำคัญในการเสริมความมั่นใจและปรับพฤติกรรมของคนไข้ให้เกิดผลจริงและเป็นการเริ่มต้นให้ดูแลตัวเองได้อย่างยั่งยืน โดยทญ.ปานทิพย์ เสริมว่า “เมื่อคนไข้ได้ลองทำด้วยตัวเองและเห็นผลลัพธ์ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทันที และสามารถนำแนวทางนี้ไปสอนสมาชิกในครอบครัวได้ด้วย โดยเฉพาะในเด็กที่ต้องอาศัยพ่อแม่เป็นตัวอย่างและสนับสนุน ทำให้กลายเป็นวงจรการป้องกันฟันผุที่ยั่งยืน”
อย่างไรก็ตาม ทุกคนสามารถเริ่มต้นดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มต้นจากการเข้าใจหลักการการแปรงฟันที่ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการป้องกันโรคฟันผุและโรคเหงือก ดังนี้
- เลือกอุปกรณ์การแปรงฟันและยาสีฟันให้เหมาะสม: ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม ปลายเรียว หน้าตัดตรง เพื่อทำความสะอาดได้ทั่วถึงซอกซอนได้ลึกถึงซอกฟัน การเลือกยาสีฟันควรเลือกที่มีฟลูออไรด์ปริมาณ 1,000 – 1,500 ppm และเลือกสูตรที่ตอบโจทย์ปัญหาฟันของตนเอง เช่น สูตรสำหรับจัดฟัน หรือดูแลเหงือก เป็นต้น และบีบยาสีฟันเต็มแปรง (กรณีผู้ใหญ่)
- วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง: วางแปรงทำมุม 45 องศา เข้ากับแนวเหงือก ขยับแปรงสั้น ๆ ทีละซี่ ฟันล่างปัดขึ้น ฟันบนปัดลง เพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่อยู่ในซอกฟัน ทำวนให้ครบทุกซี่อย่างทั่วถึง
- การใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อกำจัดเศษอาหารระหว่างซี่ฟัน เช่น ไหมขัดฟัน: ควรทำทุกซี่เพื่อกำจัดคราบอาหารหรือเศษอาหารที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง
- ระยะเวลาในการแปรงฟัน: ใช้เวลาอย่างน้อย 2 – 3 นาทีต่อการแปรงแต่ละครั้ง และหลังแปรงฟันไม่ควรบ้วนน้ำมากเกินไป เพื่อให้ฟลูออไรด์เคลือบผิวฟันและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน: เข้าพบผู้เชี่ยวชาญตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ เนื่องจากการตรวจเช็กฟันผุต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละกรณี เช่น เครื่องเอกซเรย์ หากพบปัญหา เช่น ฟันผุ หรือโรคเหงือก จะสามารถรักษาให้หายได้ในช่วงระยะเริ่มต้น พร้อมได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมจากทันตแพทย์
ทั้งนี้ Fluocaril (ฟลูโอคารีล) ได้ร่วมมือกับพันธมิตรคลินิกทันตกรรมชั้นนำ 74 แห่งทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อสนับสนุนให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงบริการทันตกรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการให้บริการตรวจเช็กสุขภาพฟันฟรีและสนับสนุนส่วนลดค่าบริการอุดฟัน 300 บาท ภายใต้กิจกรรม “ฟันผุบ๊ายบาย ใช้ชีวิตสบาย ๆ กับฟลูโอคารีล” ซึ่งตั้งอยู่บนหลักการสำคัญในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันเพื่อตัดวงจรฟันผุตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพียงซื้อสินค้าฟลูโอคารีลชนิดหรือขนาดใดก็ได้และสแกน QR CODE หน้ากล่องเพื่อลุ้นรับสิทธิ์ (จำกัด 500 สิทธิ์แรกต่อเดือนเท่านั้น) สามารถร่วมกิจกรรมได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 ธันวาคม 2568