Digitel Tech & AI

Automated Contract...AIช่วยมนุษย์ ปิดดีลสัญญาโอกาสที่มากับความเสี่ยง



กรุงเทพฯ-เมื่อ “AI” ไม่ได้แค่ช่วยเราทำงาน แต่ก้าวไกลถึงขั้น “ร่างสัญญาทั้งฉบับ” แถมยังตั้งเงื่อนไขได้เอง จบดีลอัตโนมัติ ไปจนถึงสั่งจ่ายเงินโดยไม่ต้องรอมนุษย์กดอนุมัติ นี่คือโลกของ Automated Contract หรือ “สัญญาอัตโนมัติ” ที่กำลังกลายเป็นความจริงในยุคธุรกิจดิจิทัล ที่ระบบซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแม้แต่ AI สามารถจัดการขั้นตอนสัญญาได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะรวดเร็ว แม่นยำ ไม่มีเอกสารให้วุ่นวาย แต่เบื้องหลังความสะดวกนี้…ก็อาจซ่อน “ความเสี่ยง” ที่หลายคนอาจไม่ทันระวัง ง่ายๆ ลองนึกดูว่า ถ้า AI ร่างสัญญาผิด ถ้าเงื่อนไขสั่งจ่ายเงินเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตรวจสอบ หรือถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นจริง ใคร…ต้องรับผิดชอบ?

เมื่อเร็วๆ นี้ ETDA ในฐานะหน่วยงาน ‘กำกับดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล’ ที่มุ่งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัย ไม่พลาดชวนคุณเปิดโลกของ “สัญญายุค AI” ที่ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยีอยู่เบื้องหลัง แต่ยังต้องมีความเข้าใจเรื่องกฎหมาย สิทธิ และความรับผิดชอบที่จะตามมา ใน ETDA Live ซีรีส์ไลฟ์กำลังดี EP.4 “Automated Contract สัญญายุคใหม่ด้วย AI และ มนุษย์ ใครพร้อมรับผิดชอบ ?” ที่พาไปหาคำตอบในหลากหลายประเด็น ทั้ง รูปแบบของสัญญาอัตโนมัติในโลกจริง หลักกฎหมายที่ต้องรู้เมื่อลดบทบาทมนุษย์ มุมมองจาก UNCITRAL หรือคณะกรรมาธิการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่ง UN และการ เตรียมพร้อมของนักกฎหมายไทยกับโมเดลกฎหมายใหม่ในอนาคต ไปกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง คุณพลอย เจริญสม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ETDA และ คุณหัตถพงษ์ หิรัญรัตน์ เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนากฎหมาย ETDA

รู้จัก ‘Automated Contract’ ที่ AI สร้าง-รัน-จบสัญญา แทนมนุษย์

ในโลกของการทำ ‘นิติกรรมสัญญา’ หลายคนคงคุ้นชินกับสัญญาในรูปแบบกระดาษ ที่ทุกกระบวนการต้องอาศัยการดำเนินการโดยมนุษย์ในทุกขั้นตอน แต่เมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อการทำธุรกรรมของธุรกิจ ‘การทำสัญญาแบบดิจิทัล’ ที่เทคโนโลยีมาช่วยจัดทำ ดำเนินการ และสิ้นสุดผลผูกพันได้โดยระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร หรือที่เรียกกันว่า ‘Automated Contract’  หรือ สัญญาอัตโนมัติ จึงกลายเป็นรูปแบบของการทำสัญญาที่ธุรกิจ หรือหลายๆ หน่วยงาน เริ่มนิยมใช้กันมากขึ้น

โดย Automated Contract คือ สัญญาที่จัดทำขึ้นและดำเนินการโดยอัตโนมัติผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น ระบบซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ ระบบอัตโนมัติ อย่าง AI ที่สามารถทำหน้าที่ได้ตั้งแต่การร่างเนื้อหา จัดเก็บ ตรวจสอบเงื่อนไข และกระทำตามข้อกำหนดในสัญญาได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการดำเนินการจากมนุษย์ในบางขั้นตอน หรือตลอดวงจรชีวิตของสัญญา ในบางกรณีระบบสามารถดำเนินการกระบวนการที่เกี่ยวข้องได้อย่างครบถ้วน เช่น การชำระเงิน การออกใบแจ้งหนี้ การส่งมอบสินค้า การแจ้งเตือนวันครบกำหนด หรือแม้แต่การยุติสัญญาตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เป็นต้น หนึ่งในรูปแบบของ Automated Contract ที่ได้รับความนิยม ได้แก่  Smart Contract บนเทคโนโลยี Blockchain ที่เขียนคำสั่งล่วงหน้าให้ระบบสามารถดำเนินการต่าง ๆ ได้ทันทีที่เงื่อนไขในสัญญาถูกเติมเต็ม โดยไม่ต้องมีบุคคลที่สามเข้ามายืนยันนั่นเอง

ตัวอย่างการใช้งาน Automated Contract

ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้ Automated Contract แล้วในบริบทที่แตกต่างกันในหลายประเทศ เช่น การนำ AI มาผูกกับอุตสาหกรรม IoT สร้างสัญญาให้เกิดการซื้อขายเมื่อทำตามเงื่อนไขได้ครบ เช่น บริษัทปริ้นเตอร์แห่งหนึ่งตั้งค่า AI ให้ตรวจสอบระดับน้ำหมึก หากพบว่าใกล้หมด ระบบจะสั่งซื้อน้ำหมึกโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีมนุษย์สั่งการ หรือ ในธุรกิจประกันภัยการเกษตร ที่ใช้ระบบ AI ประเมินจากข้อมูลสภาพอากาศว่า พื้นที่ใดมีแนวโน้มเกิดภัยแล้ง หากตรงตามเกณฑ์ ระบบจะดำเนินการจ่ายค่าสินไหมให้เกษตรกรทันที โดยไม่ต้องมีการโต้เถียงกันระหว่างผู้เอาประกันและผู้รับประกัน หรือ บริการดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ ในกรณีที่มีการปรับเปลี่ยนราคาสินค้าหรือบริการไปตามข้อมูล หรือในกรณีที่ผู้ใช้จ่ายค่าสมัครสมาชิกครบถ้วน ระบบจะอนุมัติสิทธิ์การเข้าถึงบริการและออกใบเสร็จโดยอัตโนมัติ ตามข้อตกลงในสัญญา เป็นต้น

เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า อาจล้ำเส้น “เจตนา” ของคู่สัญญา

แม้ว่า Automated Contract จะช่วยให้กระบวนการธุรกรรมสัญญาของธุรกิจดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว ลดต้นทุน และลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ แต่ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับ “ความรับผิดชอบ” เมื่อกระบวนการเหล่านี้ดำเนินโดย AI หรือระบบอัตโนมัติ เราควรจะปล่อยให้ AI พิจารณาและมีเจตนาแทนเราหรือไม่?  เพราะการทำสัญญาจำเป็นต้องมี 2 ส่วนสำคัญคือ คู่สัญญา และ เจตนาในการทำสัญญา หาก AI เข้ามามีเจตนา และตัดสินใจแทนเราซึ่งอาจจะไม่ได้ยินยอมตามนั้นทั้งหมด อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ อย่าง กรณีของ Chatbot ในสนามบินแห่งหนึ่ง ซึ่งให้ข้อมูลผิดพลาดแก่ผู้ใช้บริการ โดยเป็นการตอบคำถามเกี่ยวกับส่วนลดด้วยข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริง ส่งผลให้ผู้ใช้บริการได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติตามคำแนะนำของระบบ แม้การให้ข้อมูลนั้นจะเป็นผลจากการกระทำของ AI โดยตรง โดยที่มนุษย์ไม่ได้เข้าไปแสดงเจตนาหรือควบคุมการตอบคำถามในขณะนั้น แต่สนามบินในฐานะ “เจ้าของระบบ” ก็ยังคงต้อง ออกมาแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้ให้บริการ จากกรณีนี้ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางระหว่างเจตนาที่แท้จริงของมนุษย์กับการทำงานโดยอัตโนมัติของเทคโนโลยีที่อาจไร้ขอบเขตและผิดพลาด นำมาซึ่งความเสี่ยงทางกฎหมายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความรับผิดชอบของผู้พัฒนาและผู้ใช้งานระบบ AI ความไม่ชัดเจนของเจตนารมณ์ในกระบวนการทำสัญญา หรือแม้แต่สิทธิของคู่สัญญาในการโต้แย้งหรือทบทวนผลของการกระทำโดยระบบอัตโนมัติ

ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า การมีกฎหมายที่สามารถ กำกับ ดูแล และอุดช่องโหว่เหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น และทำให้การใช้ AI ในการดำเนินธุรกรรมหรือจัดทำสัญญา มีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และมีความรับผิดชอบอย่างรัดกุม

UNCITRAL: ร่างกฎหมายต้นแบบเพื่อรับมือเทคโนโลยี

เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความท้าทายใหม่ ๆ ในการทำธุรกรรมทางการค้า คณะกรรมาธิการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ หรือ UNCITRAL (The United Nations Commission on International Trade Law) ได้จัดทำ กฎหมายแม่แบบ (Model Law) เพื่อให้แต่ละประเทศสมาชิกสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ Automated Contract ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติในภาคธุรกิจ โดยได้ออกแบบกรอบกฎหมายที่มุ่งเน้นความเป็นธรรม ความโปร่งใส และยังคงยึดหลักการพื้นฐานของกฎหมายสัญญา โดยกฎหมายต้นแบบนี้ครอบคลุมการใช้ AI, Automated Decision-Making (ADM) และ Automated Contract ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบของมนุษย์ในฐานะผู้ใช้และผู้ควบคุมระบบ สามารถสรุปแกนหลักสำคัญที่น่าสนใจ ได้ดังนี้

1. รับรองผลทางกฎหมายของสัญญาอัตโนมัติ ไม่ว่าข้อตกลงจะเกิดจาก AI หรือระบบอัตโนมัติที่ไม่มี “เจตนามนุษย์” อยู่เบื้องหลัง ผลทางกฎหมายก็ยังคงมีผลบังคับใช้ เจ้าของระบบไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

2. ความเข้าใจได้ของเจตนาในสัญญาอัตโนมัติ ที่อาจเขียนด้วยภาษาคอมพิวเตอร์หรือโค้ดเพื่อความสะดวกในการทำงานอัตโนมัติของระบบ ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ ในการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) เพียงแต่ผู้ให้บริการมักจะออกแบบให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายผ่านการออกแบบ “ตัวเชื่อมต่อ” หรือ Interface ที่สามารถแปลงข้อมูลจากโค้ดให้เป็นภาษาที่สามารถแปลงข้อมูลจากโค้ดให้เป็นภาษากฎหมายที่เข้าใจได้ง่ายสำหรับทุกฝ่าย ในทีนี้ UNCITRAL จึงเสนอให้กฎหมายต้องรับรองความมีผลทางกฎหมายของข้อสัญญาที่อยู่ในรูปดังกล่าวโดยทั่วไป และไม่ระบุถึงรูปแบบเพื่อให้การตัดสินใจอยู่ที่แต่ละประเทศ

3. ความยืดหยุ่นของข้อสัญญาอัตโนมัติ ที่ AI สามารถอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งภายนอก (External Sources) มาปรับเปลี่ยนข้อสัญญาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ ซึ่งต่างจากสัญญาแบบดั้งเดิมที่มีลักษณะคงที่ UNCITRAL จึงเสนอให้มีการร่างกรอบกฎหมายที่รองรับความยืดหยุ่นนี้ โดยต้องสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

4. การระบุความรับผิดชอบของมนุษย์ต่อการกระทำของ AI เมื่อมีการใช้ AI เช่น แชตบอทตอบลูกค้า แต่อาจเกิดความผิดพลาดที่ส่งผลกระทบต่อคู่สัญญาหรือบุคคลที่สาม ผู้ที่นำ AI มาใช้จะต้องรับผิดชอบในฐานะเจ้าของระบบ โดยไม่สามารถผลักภาระให้กับ AI หรือระบบได้ การออกแบบกฎหมายจึงมุ่งให้เกิดความชัดเจนในเรื่อง “ความเป็นเจ้าของการกระทำของ AI”

5. การยกเว้นความผูกพันทางกฎหมายในกรณีเหตุสุดวิสัย ในกรณีแบบนี้ UNCITRAL กำหนดว่าเจ้าของระบบอาจไม่ต้องผูกพันทางกฎหมายต่อสัญญา ข้อสัญญา หรือการกระทำที่เกี่ยวกับสัญญา ซึ่งระบบอัตโนมัติได้สร้างขึ้น ในกรณีที่เป็นไปตามเงื่อนไข 2 ประการ คือ (1) ผู้ใช้งานระบบอัตโนมัติไม่สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลว่าจะเกิดการกระทำนั้นขึ้น และ (2) ผู้รับการกระทำที่เกิดจากระบบอัตโนมัติได้ทราบหรือควรจะทราบว่าการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หลักการนี้มีไว้เพื่อสร้างความยุติธรรมไม่ให้มีใครอาศัยความผิดพลาดในการทำงานระบบอัตโนมัติเพื่อประโยชน์แก่ตนเองได้ และช่วยให้ผู้ใช้กล้าใช้เทคโนโลยีมากขึ้น

ทำไมกฎหมายนี้สำคัญต่อไทย?

UNCITRAL Model Law on Automated Contract เป็นก้าวสำคัญในการกำหนดผลทางกฎหมายให้กับการนำ AI หรือระบบอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้ ปัจจุบันกฎหมายไทยมีหลายส่วนที่สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวแล้ว แต่ยังต้องพัฒนาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเด็นการยกเว้นความผูกพันในทางกฎหมายของผู้ใช้ AI ในเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ETDA จึงเดินหน้าศึกษาและผลักดันให้เกิดการพัฒนากฎหมายใหม่ว่าด้วยการใช้ AI ที่มุ่งนิยามขอบเขต ความรับผิดชอบ และแนวปฏิบัติให้ชัดเจน พร้อมเปิดพื้นที่หารือร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อสร้างกฎหมายที่ทั้ง ปลอดภัย ครอบคลุม และทันสมัย รองรับทั้ง Automated Contract และการใช้ AI ในมิติอื่น ๆ ไปพร้อมกันด้วย

ไม่แน่ Automated Contract อาจเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของโลกธุรกิจ แต่การก้าวไปพร้อมกับกฎหมายที่เหมาะสม จะช่วยให้เทคโนโลยีไม่เพียงแค่ “เร็ว” แต่ยัง “ถูกทาง” ปลดล็อกศักยภาพใหม่ ๆ ควบคู่กับการป้องกันความเสี่ยง และสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความเป็นธรรมในสังคมด้วย -ติดตามความเคลื่อนไหว ได้ที่เพจ ETDA Thailand