In News

'ดีอี'เตือนข่าวปลอม'ไทยละเมิดข้อตกลง การหยุดยิง'ทำให้เข้าใจผิดสับสนในสังคม



กรุงเทพฯ-กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “ไทยละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง” รองลงมาคือเรื่อง “รัฐสภาไทยลงมติให้ประกาศทำสงครามกับกัมพูชา” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน ตื่นตระหนก และวิตกกังวลในสังคม รวมทั้งอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สิน และข้อมูลส่วนบุคคล โดยขอให้เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 4 กันยายน 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,205,193 ข้ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 712 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 693 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 12 ข้อความ ช่องทาง Website จำนวน 7 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 166 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 62 เรื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 104 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 20 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 9 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 1 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 32 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา การให้บริการของหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ยังพบข่าวที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ และข่าวภัยพิบัติรวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน ตื่นตระหนก และวิตกกังวลได้ รวมทั้งอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สิน หรือ ข้อมูลส่วนบุคคล โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง ไทยละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง

อันดับที่ 2 : เรื่อง รัฐสภาไทยลงมติให้ประกาศทำสงครามกับกัมพูชา

อันดับที่ 3 : เรื่อง ชาวนาเตรียมกดรับเงินช่วยเหลือ ไร่ละ 1,000 บาท ที่แอปฯ ทางรัฐ

อันดับที่ 4 : เรื่อง พายุหน่องฟา เป็นพายุโซนร้อนลูกแรกของปี 2568 ที่เข้าถึงไทย

อันดับที่ 5 : เรื่อง กองทัพภาคที่ 2 เปิดเพจเฟซบุ๊ก “ข่าวกองทัพภาคที่ 2”

อันดับที่ 6 : เรื่อง คลิป ผอ. กองสลากฯ สั่งล็อกเลขสลากกินแบ่งรัฐบาล

อันดับที่ 7 : เรื่อง เปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกทุกวันพุธ และวันอาทิตย์

อันดับที่ 8 : เรื่อง ผลิตภัณฑ์ Japo Care ช่วยรักษาโรคไทรอยด์

อันดับที่ 9 : เรื่อง สื่อต่าง ๆ เตรียมรับสัญญาณจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

อันดับที่ 10 : เรื่อง ผลิตภัณฑ์ Kreain Nature Nasal Care รักษาจมูกอักเสบ อาการภูมิแพ้หายขาด หายใจโล่งใน 7 วัน

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “ไทยละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า กองทัพบก ยืนยัน ประเทศไทยยึดมั่นและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด พร้อมดำเนินการให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ไทยเปิดกว้างให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน (IOT) คณะจาก ICRC และพันธมิตรนานาประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทุกจุดโดยเสรี ไม่เคยมีการปิดกั้นข้อมูล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความบริสุทธิ์ใจของฝ่ายไทย ที่ดำเนินการทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา

ด้านข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “รัฐสภาไทยลงมติให้ประกาศทำสงครามกับกัมพูชา” กระทรวงดีอี ประสานงานร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ยืนยันว่า ไม่เคยมีการพิจารณาในประเด็นการตอบโต้กัมพูชาเต็มแนวรบ และไม่เคยมีมติเห็นชอบให้กองทัพไทยตอบโต้กัมพูชาเต็มแนวรบแต่อย่างใด ขอประชาชนอย่าเชื่อข่าวลือที่ไม่มีที่มาที่ไป ให้ติดตามข่าวสารจากช่องทางของทางการเท่านั้น เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

หากประชาชน พบข่าวน่าสงสัย ข้อมูลบิดเบือน สามารถแจ้งเบาะแส และตรวจสอบข่าวปลอมได้ที่ โทรสายด่วน 1111 ต่อ 87 (24 ชม.) หรือที่ เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com | Line ID: @antifakenewscenter | Facebook : Anti-Fake News Center Thailand | X : @AFNCThailand | TikTok : @antifakenewscenter | IG : afnc_thailand/