In Thailand
อดีตพี่เลี้ยงสุดปลื้ม'อนุทิน'ได้เป็นนายกฯ เปิดปมในใจสุดซึ้งเคยถูกตีที่แกล้งน้อง

ศรีสะเกษ-เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 58/2 หมู12 ต.สะพุง อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ ไปพบกับ นางเพ็ง อ้อมชมพู อายุ 65 ปี พร้อมด้วย นางเล่ง นิสัย อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นญาติพี่น้องกัน ที่เคยไปทำงานเป็นพี่เลี้ยง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่ นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ในสมัยที่ นายอนุทิน ยังเป็นเด็ก เรียนอยู่ชั้น ป.3 หรือเมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งทั้งคู่ต่างรู้สึกดีใจที่ได้ทราบข่าวว่า นายอนุทิน ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นางเพ็ง อ้อมชมพู อายุ 65 ปี เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 2520 ตนได้เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นตนอายุ 18 ปี และทราบว่า คุณนาย หรือคุณแม่ของ นายอนุทิน ต้องการคนดูแลเด็ก และแม่บ้านด้วย ตนจึงไปด้วยกันกับ นางเล่ง นิสัย อายุ 61 ปี อีกคน เป็นพี่เลี้ยงเด็ก 3 พี่น้อง คือมี นายอนุทิน เป็นพี่ชายคนโต ชื่อเล่นตอนเด็กเรียกว่า หนูหนู ส่วนน้องชายคนรอง ชื่อนายมาศถวิน หรือชื่อเล่น น้องน้อง และน้องสาวคนเล็ก ชื่อ น.ส.อนิลรัตน์ หรือ หนุ่ยนุ้ย ทั้ง 3 พี่น้อง มีอุปนิสัยเรียบร้อย น่ารัก และไม่ถือตัวกับตน หรือมองว่าตนเป็นเพียงคนงานหรือคนรับใช้แต่อย่างใด แม้ตอนนี้จะเดินทางกลับมาอยู่ภูมิลำเนาที่ศรีสะเกษ แล้ว แต่ความผูกพันที่เคยดูแลมาหลายปีก็มีความห่วงใยถึงเสมอ ดูแลนานถึง 13 ปี
ในขณะนั้น นายอนุทิน อยู่ในช่วงประถมศึกษาปีที่ 3 อายุประมาณ 9 ขวบ นายอนุทิน ในวัยเด็ก มีนิสัยขี้เล่น ไม่ดื้อ เลี้ยงง่าย นิสัยดี สุภาพ ไม่ก้าวร้าว ชอบรับประทานอาหารง่ายๆ เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว เป็นต้น มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อพี่น้อง หยอกล้อเล่นแบบอบอุ่น ตนดูแลด้วยความห่วงใย อยู่เป็นเพื่อนแม้กระทั่งตอนที่ นายอนุทิน วัยเด็ก จะไม่ยอมนอน เพื่อรอคอยคุณพ่อ คุณแม่ กลับจากทำงานหรือกลับจากทานข้าวนอกบ้าน ตนก็จะอยู่เป็นเพื่อน เมื่อกลับมาแล้วตนจึงวางใจเข้าพักผ่อนได้ เพราะห่วงใยใกล้ชิด ตอนตนจะลาออกกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดภูมิลำเนา ที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อปี 2533 คุณพ่อของ นายอนุทิน ยังทักท้วงว่าไม่ให้ตนกลับ เพราะอยู่กันมายาวนานมีความสนิทมาก ได้รับความไว้วางใจ จากการดูแลเป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วยดี และมีความซื่อสัตย์ เหตุที่ตนต้องตัดสินใจเดินทางกลับ เพราะมารดาของตน ไม่มีใครช่วยทำนา ทำเกษตร ไม่มีใครอยู่ด้วย คอยดูแล เพราะญาติพี่น้องอยู่ห่างไกลถึงกรุงเทพฯ หมด จึงจำเป็นต้องลาจากทั้งที่ยังผูกพัน และยังคงคิดถึงมาก
ล่าสุดเพิ่งได้มีโอกาสเจอกับ คุณอนิลรัตน์ หรือ คุณหนุ่ยนุ้ย นองสาวของ นายอนุทิน เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ซึ่งได้แวะมาเยี่ยมตนถึงบ้านที่ศรีสะเกษ และเมื่อเดือน มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ซึ่งในขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาปฏิบัติภารกิจพบปะชาวสวนทุเรียนที่สวน “ไร่สร้างฝัน” ต.ศรีแก้ว อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับฟัง สภาพปัญหา ทั้งเรื่องไฟฟ้า น้ำและที่ดิน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และตนได้มีโอกาสพบกับ นายอนุทิน เป็นครั้งแรกหลังจากกันมา 30 ปี ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก และกังวลใจเกรงว่า นายอนุทิน จะจำตนไม่ได้ ปราฏว่า นายอนุทิน จำตนได้ไม่เคยลืม จึงรู้สึกตื้นตันใจมาก ด้วยภารกิจจึงไม่ได้พูดคุยมากนัก แต่ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ไปหาแม่ไหม ไปเที่ยวกรุงเทพฯ ไหม นั่นคือที่ได้สนทนากัน เพียงแค่นี้ก็รู้สึกดีใจ เพราะมีความผูกพันมาก และในขณะ นายอนุทิน ขึ้นกล่าวพบปะชาวบ้านในช่วงแรกๆ ได้กล่าวสั้นๆตอนหนึ่ง ว่า “วันนี้ได้พบกับพี่เลี้ยงของผม ไม่ได้เจอกันมากว่า 30 ปี เลี้ยงผมมาตั้งแต่ป.3 เคย ถูกตีด้วย เพราะไปแกล้งน้องสาว”
หลังทราบว่า นายอนุทิน ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของประเทศไทย รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ได้มีการโทรศัพท์ไปพูดคุยแสดงความยินดีกับคุณพ่อและคุณแม่ของนายอนุทิน ทุกคนต่างมีความดีใจเป็นอย่างมาก แต่ตนนั้นยังไม่มีโอกาสได้โทรศัพท์สายตรงยินดีต่อนายอนุทิน เพราะเนื่องด้วยยังไม่มีช่องทางการติดต่อ แต่ตนได้ติดต่อผ่านคุณแม่ของนายอนุทิน อย่างตลอด ในขณะนี้มีความคิดจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อฉลองต่อตำแหน่งอีกด้วย.
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน