Digitel Tech & AI

แคสเปอร์สกี้เผยพีซีมากกว่าครึ่งยังใช้ Windows 10



กรุงเทพฯ-Windows 10 มีกำหนดระงับการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2025นี้ แคสเปอร์สกี้จึงได้ทำการศึกษาโดยอ้างอิงจากข้อมูลเมทาดาต้าของระบบปฏิบัติการโดยที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งได้รับจากผู้ใช้ Kaspersky Security Network ที่ยินยอมให้ข้อมูล เพื่อค้นหาว่ามีอุปกรณ์ทั่วโลกกี่เครื่องที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 อยู่ในปัจจุบัน

เมื่อระบบปฏิบัติการสิ้นสุดอายุการใช้งาน ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขก็จะไม่ได้รับการแก้ไขอีกต่อไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าอาชญากรไซเบอร์อาจมีโอกาสใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เหล่านี้ได้ ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญแคสเปอร์สกี้ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้องค์กรธุรกิจอัปเดตระบบปฏิบัติการเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อเครือข่ายส่วนบุคคลและธุรกิจ

งานวิจัยแสดงข้อมูลว่าแม้จะเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนก่อนที่ Microsoft จะยุติการสนับสนุน แต่ผู้ใช้จำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่ง (53%) ยังใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 อยู่ นอกจากนี้ อุปกรณ์จำนวน8.5% ยังใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 เวอร์ชันเก่า ซึ่งสิ้นสุดการสนับสนุนไปแล้วตั้งแต่ปี 2020 จากข้อมูลของ Kaspersky Security Network พบว่ามีผู้ใช้เพียง 33% เท่านั้นที่เปลี่ยนมาใช้ Windows 11 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ Windows เวอร์ชันล่าสุดแล้วข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความยึดมั่นอย่างสูงต่อระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเก่า

ในกลุ่มผู้ใช้องค์กร ความนิยมของ Windows 10 ยิ่งสูงขึ้นไปอีก โดยอุปกรณ์ขององค์กรจำนวน59.5% ใช้ Windows 10 ส่วนธุรกิจขนาดเล็กมีตัวเลขต่ำกว่าเล็กน้อยที่ 51% สัดส่วนผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ในธุรกิจทั้งสองกลุ่มอยู่ที่มากกว่า 6% เล็กน้อย ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้เตือนว่าการใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเก่าในโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรจะก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อธุรกิจ เนื่องจากระบบปฏิบัติการที่ล้าสมัยไม่เพียงแต่จะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังอาจไม่สามารถใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์และเครื่องมือรักษาความปลอดภัยรุ่นใหม่ๆ ได้ ความไม่เข้ากันนี้สามารถก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อความต่อเนื่องทางธุรกิจได้

โอเล็ก โกโรเบ็ตส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “การย้ายระบบไปยังระบบปฏิบัติการใหม่อาจถูกมองอย่างผิดๆ ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่จำเป็นและก่อกวนระบบ และมีฟีเจอร์ใหม่เพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ทำให้เวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่เดิมมีความซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอินเทอร์เฟซ แต่ในมุมมองด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ระบบที่ไม่ได้รับการอัปเดตความปลอดภัยก็เปรียบเสมือนบ้านที่มีรั้วผุพังซึ่งสามารถพังทลายได้เพียงแค่เตะเพียงครั้งเดียว ความเสี่ยงสำหรับทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้องค์กรธุรกิจนั้นมีมากกว่าความไม่สะดวกเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการย้ายระบบไปยังระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ สำหรับฝ่ายไอทีและฝ่ายรักษาความปลอดภัยไอทีขององค์กร การอัปเดตซอฟต์แวร์ที่สำคัญต่อธุรกิจ ซึ่งเริ่มต้นจากระบบปฏิบัติการ ถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ การอัปเดตอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่มีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียง ไม่ควรละเลยสิ่งนี้ แม้ว่าคุณจะมีโซลูชันความปลอดภัยที่เชื่อถือได้อยู่แล้วก็ตาม”

แคสเปอร์สกี้ขอแนะนำเพื่อยกระดับความปลอดภัยส่วนบุคคลและธุรกิจในขอบเขตของระบบปฏิบัติการ ดังต่อไปนี้

  • ตรวจสอบว่าใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุด และตรวจสอบว่าได้เปิดใช้งานฟีเจอร์อัปเดตอัตโนมัติแล้ว
  • สำหรับลูกค้าทั่วไปและธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้โซลูชันที่มีเทคโนโลยีป้องกันช่องโหว่ อย่างเช่น Kaspersky Premiumและ Kaspersky Small Office Securityซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีจากช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งอาจพบได้ในระบบปฏิบัติการที่ล้าสมัย (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 เป็นต้นไป Windows 10 และเวอร์ชันก่อนหน้า)
  • สำหรับลูกค้าองค์กรที่กำลังดำเนินการทดสอบการอัปเดตความปลอดภัยก่อนนำไปใช้งานทั่วทั้งบริษัท ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักที่เกิดจากแพตช์ที่ผิดพลาดหรือความไม่เข้ากัน แนะนำให้พิจารณาใช้โซลูชันความปลอดภัยที่ครอบคลุม อย่างเช่น Kaspersky Next