In News
'อุนทิน'ฟิต!ควงทีมศก.ถกปัญหาสภาอุตฯ ยันไม่เปิดด่าน/ทูลเกล้าฯครม.ในสัปดาห์นี้

กรุงเทพฯ-อนุทิน บุกเยี่ยมสภาอุตสาหกรรมเข้ารับฟังปัญหาภาคอุตสาหกรรมลุยฟื้นเศรษฐกิจ แจง ไม่เปิดด่านไทย-กัมพูชา ในตอนนี้ เหตุไม่ได้เริ่มก่อน ชี้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ไทยกำหนด เผย ทูลเกล้าฯ ครม. สัปดาห์นี้
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 15 ก.ย. 2568 ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะว่าที่รองนายกฯและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกฯ และรมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รมว.พาณิชย์ นายธนกร วังบุญคงชนะ ว่าที่รมว.อุตสาหกรรม นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รมช.คลัง นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึงได้แนะนำ นายสุชาติ และนายธนกร ให้กับนางศุภจี พร้อมกล่าวว่าให้ทำความรู้จักกันไว้ เพราะนี่คือรัฐมนตรีของเรา จากนั้นเมื่อถึงห้องประชุม บรรดาผู้ร่วมประชุมได้ปรบมือต้อนรับนายกฯ
ขณะที่ ประธาน ส.อ.ท. ได้มอบกระเช้าแสดงความยินดี และอวยพรวันเกิดให้กับนายอนุทินที่ได้รับตำแหน่งนายกฯ พร้อมกล่าวให้การต้อนรับ โดยระบุว่า ในนามของสภาอุตสาหกรรมฯ ตนและทีมงานทุกท่านรู้สึกเป็นเกียรติ และดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้รับเกียรติจากนายกฯ และรัฐมนตรีที่มาร่วมหารือกับ ส.อ.ท.ในวันนี้
จากนั้น นายกฯ ได้กล่าวเปิดการประชุมว่า ในวงหารือวันนี้เป็นพี่น้องกันทั้งนั้นรู้จักกันมานาน หลังจากนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศต้องขับเคลื่อนให้ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไข และจะมีการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขึ้นทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ แต่เราคงไม่ปล่อยเวลาให้เสียประโยชน์ ได้ประสานกับส.อ.ท.
รัฐบาลกับผู้นำทางเศรษฐกิจต้องไปคู่กัน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย ให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงในมิติอื่นๆ เช่น หากเศรษฐกิจดีคุณภาพชีวิตก็จะดี สังคมก็จะมีความสงบสุข
นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ วันนี้ต้องการมารับฟังข้อกังวลข้อเสนอแนะจาก ส.อ.ท. สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราได้ประชุมร่างการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เนื่องจากเวลามีจำกัด แม้ยังไม่ได้ทำงานแต่หลังไมค์ทำทุกอย่าง เพราะสไตล์ของพวกเราคือต้องทำงานเร็ว นโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นนั้นมุ่งเน้น แก้ไขเศรษฐกิจระยะสั้น วางรากฐานเพื่อการต่อยอด ให้มีความมั่นคงต่อไปในระยะยาว
ปัญหาเฉพาะหน้า ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา โดยเฉพาะปัญหาของผู้ประกอบการ ไทย-กัมพูชาก็ต้องมีการค้าขายกันอยู่ แต่ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันนี้ เงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆ
การที่เราจะต้องรักษาอธิปไตย เกียรติภูมิของประเทศ การเปิดด่านจะไม่เกิดขึ้นในระยะสั้นนี้ ซึ่งก่อนจะเกิดสิ่งเหล่านั้นก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่เราเป็นผู้กำหนด เพราะเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ต้องพูดให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดความกังวล อย่างไรก็ตาม เราต้องใช้ทุกวิธี เช่น การทหาร การทูต และหารือกับฝ่ายกัมพูชา ใช้องคาพยพทุกอย่างเพื่อแก้ปัญหาของ 2 ประเทศ โดยเร็วที่สุด
นายอนุทิน กล่าวว่า ในเรื่องของผู้ประกอบการที่อยู่ในโครงการ Thailand Plus One ในส่วนของกลุ่มประเทศ CLMV มีแนวคิดที่จะต้อง matching กับเรา โดยเฉพาะ Local Content ที่เราเคยทำกับประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องลงทุนผลิตในประเทศไทยแทน
ดังนั้น คำว่า Local Content เป็นคำที่พวกเราต้องให้การสนับสนุน และให้ความสำคัญมาก ด้วยการเจรจากับประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของเรา ว่าเขามีข้อกำหนดมา ถือว่าประเทศไทยเราไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่น แต่ยังมีเงื่อนไข โดยเฉพาะพวกแปลงร่าง Local Content ที่กำหนดเงื่อนไขมา ตนมองว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ทำให้เราสามารถผลิตสินค้าส่งไปสหรัฐอเมริกาได้ และหากมีปัญหาก็ควรต้องส่งเสริมการลงทุนเพิ่มมากขึ้น
ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่แปลก เพราะเมื่อ 20-30 ปีก่อน ที่ไทยเราเริ่มอุตสาหกรรม OEM แต่ครั้งนี้อย่าให้เป็นการรับจ้างทำของ หรือจ้างประกอบ เราต้องเริ่มตั้งแต่เปิดช่องทางเศรษฐกิจ ถือเป็นโอกาสให้ไทยขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาได้วางรากฐานเอาไว้ ของการขยายตัวอุตสาหกรรมของประเทศไทย
ซึ่งตนมองว่าเรายังไม่ได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการชะลอตัว ซึ่งตอนนี้เราต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้น เพราะคู่แข่งข้างนอกเกิดมากขึ้น เช่น เวียดนาม และกัมพูชา ก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า บางครั้งต้องยอมรับว่ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้รัฐบาลชุดนี้เข้ามา ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะทำให้เห็นว่าจะทำให้เป็นตัวอย่าง ให้เห็นว่าเป็นหนึ่งเดียวของรัฐบาล ที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปได้
“ที่ผ่านมาผมอยู่มา 6 ปี เห็นปัญหาเยอะแยะ ที่สำคัญการหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เอาตรงนี้เสนอขึ้นมา เช่น พรรคนี้คุมกระทรวงอุตสาหกรรม แต่นายกฯ เป็นคนละพรรคกัน ก็ไม่สนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะกลัวคะแนนตกไปที่พรรคอื่น ซึ่งขอเรียนว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลของตน เพราะถือคติ คนละพรรคแต่พวกเดียวกันสำคัญกว่า พรรคเดียวกันคนละพวก” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนอยู่ภาคเอกชนมาก่อน มีความเชื่อมั่น ถ้าเศรษฐกิจดี ประเด็นอื่นเป็นเรื่องเล็ก จะบอกว่าคนมีกินมีใช้ หรือมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีด้วยก็ได้ ตนและทีมงานของจะเร่งให้เกิดการวางรากฐาน ให้ได้มากที่สุดด้วยสไตล์การทำงานยึดภาพรวมเป็นหลัก ไม่ยึดภาพตัวเองเป็นหลัก ขอให้มั่นใจอะไรที่ดีต่อส่วนรวมจะใช้อำนาจหน้าที่ของตนในฐานะนายกฯ ช่วยผลักดันความคาดหวังของพวกท่านให้เกิดความสำเร็จ