In Bangkok
มีนบุรีชวนบริษัทอาหารยอดคุณแยกขยะ จัดระเบียบแผงค้าถนนราษฎร์อุทิศ
กรุงเทพฯ-มีนบุรีชวนบริษัทอาหารยอดคุณแยกขยะไม่เทรวม จัดระเบียบแผงค้าถนนราษฎร์อุทิศ คุมเข้มวินจักรยานยนต์รับจ้าง ส่องกล้อง CCTV จับภาพผู้ขับขี่บนทางเท้า พลิกที่ว่างปั้นสวนหม่อมเจ้าสง่างามสุประดิษฐ์
(15 ก.ย. 68) เวลา 13.00 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขตมีนบุรี ประกอบด้วย
เยี่ยมชมต้นแบบการคัดแยกขยะ บริษัท อาหารยอดคุณ จำกัด ถนนนิมิตใหม่ พื้นที่ 40 ไร่ พนักงาน 782 คน เข้าร่วมโครงการคัดแยกขยะ ตั้งแต่ปี 2567 วิธีการคัดแยกขยะ โดยจำแนกตามประเภทของขยะ ดังนี้ 1.ขยะอินทรีย์ เก็บและแยก ใส่ถังมีฝาปิดมิดชิด เตรียมไว้สำหรับเกษตรกรนำไปเลี้ยงปลา 2.ขยะรีไซเคิล เก็บและแยก แยกประเภทตามช่องที่จัดเก็บ รอจำหน่ายตามรอบ เมื่อมีปริมาณที่เพียงพอ 3.ขยะทั่วไป เก็บและแยก จากจุดทิ้งรวมต่าง ๆ รวบรวมที่จุดพักขยะ เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี 4.ขยะอันตราย เก็บและแยก จากจุดทิ้งรวมต่าง ๆ รวบรวมที่จุดพักขยะ เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี สำหรับปริมาณขยะก่อนคัดแยกและหลังคัดแยก ดังนี้ ขยะทั่วไปหลังคัดแยก 166 กิโลกรัม/วัน ขยะรีไซเคิลหลังคัดแยก 2,000 กิโลกรัม/วัน ขยะอินทรีย์หลังคัดแยก 160 กิโลกรัม/วัน ขยะอันตรายหลังคัดแยก 5 กิโลกรัม/วัน ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้คำแนะนำในการคัดแยกขยะประเภทต่าง ๆ เพื่อให้การคัดแยกขยะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งปริมาณขยะที่คัดแยกจะมีผลต่ออัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการมูลฝอยฉบับใหม่ โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2568 พร้อมทั้งมอบหมายให้เขตฯ ลงพื้นที่ตามชุมชนต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY เข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม”
ติดตามการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า บริเวณแยกบาแลกีแวะห์ ถนนราษฎร์อุทิศ ปัจจุบันเขตฯ มีพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 3 จุด รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 63 ราย ได้แก่ 1.ถนนราษฎร์อุทิศ ผู้ค้า 8 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 08.00-21.00 น. 2.ถนนสุวินทวงศ์ ผู้ค้า 25 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-22.00 น. 3.ถนนหทัยราษฎร์ ผู้ค้า 30 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 05.00-22.00 น. ซึ่งในปี 67 เขตฯ ยกเลิกพื้นที่ทำการค้า 3 จุด ได้แก่ 1.ถนนร่มเกล้า ผู้ค้า 5 ราย 2.ถนนรามคำแหง ผู้ค้า 10 ราย 3.ถนนหม่อมเจ้าสง่างามสุประดิษฐ์ ผู้ค้า 3 ราย ยกเลิกวันที่ 29 ก.พ. 67 ต่อมาในปี 68 เขตฯ ยกเลิกพื้นที่ทำการค้าอีก 2 จุด ได้แก่ 1.ถนนสามวา ผู้ค้า 8 ราย 2.ถนนสีหบุรานุกิจ ผู้ค้า 25 ราย ยกเลิกวันที่ 31 มี.ค. 68 ที่ผ่านมาเขตฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่หน้าหมู่บ้านรินทร์ทอง ซอยรามคำแหง 118-190 จากเดิมเป็นพื้นที่ต่ำกว่าทางเท้า โดยยกระดับพื้นให้สูงขึ้นเสมอกับทางเท้า พร้อมทั้งก่อสร้างรางระบายน้ำและฝาตะแกรงเหล็กปิด ซึ่งจุดดังกล่าวเขตฯ ได้จัดทำเป็น Hawker Center ตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยใช้พื้นที่ว่างที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ทำการค้าเดิม เน้นจุดที่มีความต้องการของผู้ซื้อ คำนึงถึงช่วงเวลาทำการค้าและความสะดวกในการเข้าถึงพื้นที่ทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อ โดยเขตฯ ได้เชิญผู้ค้ามาประชุมทำความเข้าใจ เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าปี 67 ปัจจุบันได้จัดทำผังแผงค้าและบัญชีผู้ค้าเรียบร้อยแล้ว โดยมีแผงค้า 39 แผง ผู้ค้า 78 คน แบ่งช่วงเวลาทำการค้าออกเป็น 2 ช่วงเวลาคือ ช่วงเช้าและช่วงเย็น
ติดตามการจัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์สาธารณะ วินหมู่บ้านบัวขาว ปากซอยรามคำแหง 174 ผู้ขับขี่ 17 คน สถานที่ตั้งวินและจุดจอดรถจักรยานยนต์อยู่ในพื้นที่เอกชน ปัจจุบันเขตฯ มีวินรถจักรยานยนต์สาธารณะในพื้นที่ 121 วิน ผู้ขับขี่ 1,500 คน มีวินรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาให้เป็นวินต้นแบบ 12 วิน ซึ่งเขตฯ จะต้องตรวจความเรียบร้อยตามแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะอย่างต่อเนื่อง หากพบว่ามีข้อใดไม่เรียบร้อยให้แจ้งข้อบกพร่องแก่ผู้ขับขี่ เพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเรียบร้อย โดยแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะ ประกอบด้วย 1.ด้านความสะอาด ได้แก่ สถานที่ตั้งวินและโดยรอบต้องมีความสะอาด ไม่มีการตอกผูกยึดโยง 2.ด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้แก่ จอดรถจักรยานยนต์เป็นระเบียบ ไม่กีดขวางทางเท้าหรือพื้นผิวจราจร ตั้งวางม้านั่งเป็นระเบียบ 3.ด้านกฎหมาย ได้แก่ การแต่งกายถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เสื้อวิน เบอร์เสื้อถูกต้องตามบัญชี ไม่ขับขี่บนทางเท้า ป้ายทะเบียนถูกต้อง สวมหมวกนิรภัย ป้ายอัตราค่าโดยสารถูกต้อง ไม่เก็บค่าโดยสารเกินราคา ไม่นำเสื้อวินไปเช่าช่วงต่อ 4.ด้านอื่น ๆ ได้แก่ ไม่ดื่มสุรา กริยามารยาทสุภาพ ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ จัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์สาธารณะให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตรวจตามแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะอย่างเคร่งครัด เน้นย้ำผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับที่กฎหมายกำหนด อาทิ การแต่งกาย ป้ายทะเบียนรถ อัตราค่าโดยสาร สถานที่ตั้งวิน วินัยจราจร
ตรวจจุดติดตั้งกล้อง CCTV จับภาพอัจฉริยะผ่านระบบ BMA AI CAMERA บริเวณปากซอยรามคำแหง 170 ซึ่งเขตฯ มีจุดติดตั้งกล้อง CCTV จำนวน 2 จุด ได้แก่ ปากซอยรามคำแหง 170 ปากซอยราษฎร์อุทิศ 24 เพื่อตรวจจับผู้กระทำความผิดขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า กวดขันวินัยจราจรเปรียบเทียบปรับแก่ผู้ฝ่าฝืนนำรถยนต์ขึ้นมาจอดหรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ซึ่งเขตฯ ได้ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ตั้งวางแผงเหล็กกั้น และจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจสอบในจุดดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
พัฒนาสวน 15 นาที สวนหม่อมเจ้าสง่างามสุประดิษฐ์ ซึ่งเขตฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่ว่าง ภายหลังจากยกเลิกจุดทำการค้า โดยปลูกไม้พุ่มไม้ประดับ จัดทำศาลานั่งเล่น ตั้งวางม้านั่ง รวมถึงอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่เดิมภายในสวน ปัจจุบันเขตฯ มีสวน 15 นาที (สวนเดิม) จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 1.สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 พื้นที่ 5 ไร่ 2.สวนมีนรมณีย์ พื้นที่ 1 งาน 50 ตารางวา สวน 15 นาที (สวนใหม่) จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ 1.สวนธนาคารต้นไม้มีนบุรี พื้นที่ 3 งาน 2.สวนมีนบุรีภิรมย์ ถนนสีหบุรานุกิจ พื้นที่ 2 ไร่ 3.สวนสุดสายที่ปลายราม ถนนรามคำแหง พื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน 4.สวนสามวาสาม พื้นที่ 3 งาน 5.สวนชมพูพันธ์ทิพย์ พื้นที่ 2 งาน 50 ตารางวา 6.สวนบึงขวาง พื้นที่ 12 ไร่ 2 งาน 7.สวนหม่อมเจ้าสง่างามสุประดิษฐ์ พื้นที่ 3 งาน 8.สวนประชาร่วมใจ พื้นที่ 1 ไร่ 1 งาน อยู่ระหว่างดำเนินการ 9.สวนนิมิตใหม่ พื้นที่ 250 ตารางวา อยู่ระหว่างดำเนินการ 10.สวนหลังคอนโดแอทโมซโฟลว์ มีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ อยู่ระหว่างดำเนินการ 11.สวนซอยบัวขาว พื้นที่ 750 ตารางวา อยู่ระหว่างดำเนินการ 12.สวนหลังแฟลตอัยการมีนบุรี พื้นที่ 450 ตารางวา อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ พิจารณาพื้นที่ว่างที่มีความเหมาะสม เพื่อจัดทำสวน 15 นาที ให้แล้วเสร็จครบ 10 แห่ง ตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยออกแบบพื้นที่ภายในสวนให้ตรงกับความต้องการของประชาชนที่จะเข้ามาใช้บริการ เพื่อให้การจัดทำสวน 15 นาที เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างแท้จริง
ในการนี้มี นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตมีนบุรี สำนักเทศกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล