Biz news
สกพอ.ร่วมมธ.เปิดผลศึกษาขยายEEC ปลุกพลังคนปราจีนบุรีร่วมขับเคลื่อนศก.

ปราจีนบุรี-สกพอ. ผนึก ม.ธรรมศาสตร์ เปิดผลการศึกษาขยายพื้นที่ EEC ปลุกพลังคนปราจีนบุรี ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืน มีทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านไม่เอาEEC
วันที่ 19 ก.ย. 2568 สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จับมือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สกพอ. จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็น ต่อ (ร่าง) รายงานผลการศึกษา โครงการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมี นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธาน และ ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. ร่วมกล่าวเปิดการประชุม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมการประชุมฯ รวมกว่า 300 คน
เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนภาคประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะการรับฟังความคิดเห็นต่อข้อห่วงใยถึงผลกระทบและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายพื้นที่อีอีซี เช่น เรื่องสิ่งแวดล้อม การจัดการน้ำ หรือผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน ณ โรงแรมสยามดาษดา เขาใหญ่รีสอร์ท ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะหน่วยงานกลางที่ศึกษาถึงการขยายพื้นที่ อีอีซี ดังกล่าว ได้นำเสนอ ถึงผลการศึกษาความเหมาะสมของจังหวัดปราจีนบุรีในการเข้าสู่พื้นที่อีอีซี รวมทั้งได้เผยถึง รายงานสรุปข้อมูลผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การวิเคราะห์จุดเด่นและข้อจำกัดของพื้นที่ 7 อำเภอในจังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งแนวโน้มการใช้ทรัพยากรจากเข้าสู่อีอีซี พร้อมกันนี้ ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุม ได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในมิติต่าง ๆ อย่างเปิดกว้าง โปร่งใส และเป็นกลาง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะท้อนความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง
สำหรับการดำเนินการต่อไป สกพอ. จะได้สรุปรายงานผลการศึกษา พร้อมรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ นำผลการศึกษาฯ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อพิจารณา ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบ ทั้งนี้ หากเห็นชอบให้มีการขยายพื้นที่ฯ ดังกล่าว สกพอ จะจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (เพิ่มเติม) เพื่อเสนอ กพอ. และ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนประกาศราชกิจจานุเบกษา
โดย สกพอ. ขอให้ความมั่นใจแก่ประชาชนจังหวัดปราจีนบุรี ว่าจะดำเนินการโดยยึดผลประโยชน์ของพื้นที่และชุมชนเป็นหลัก และจะมีการรับฟังความคิดเห็นในทุกขั้นตอนต่อเนื่อง เพื่อให้การขยายพื้นที่อีอีซีครั้งนี้ เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสมกับสภาพและศักยภาพของพื้นที่สอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างโอกาสให้เยาวชน และคนในพื้นที่ ได้มีโอกาสทำงานที่ดีใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ และมีรายได้ที่มั่นคง ส่งเสริมให้เกิดการสร้างเกิดความเข้าใจและคลายความกังวลใจของประชาชน ตลอดจนหน่วยงานราชการในท้องที่จากหลากหลายกลุ่มองค์กรอย่างแท้จริง พร้อมเตรียมนำข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
อาทิข้อเสนอแนะเรื่องผลักดันการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่อย่างเท่าเทียมจากหอการค้าจังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งข้อเสนอแนะจากอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี เรื่องการสร้างโอกาสพัฒนาจังหวัดฯ ในทุกมิติผ่านการสร้างตลาดแรงงานชั้นสูง ซึ่งถือเป็นการการสร้างงาน สร้างอาชีพกับนักศึกษาในท้องที่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนจากกับดักรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูง ไปพิจารณาเพื่อดำเนินการให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคัดค้านไม่เอาEEC พบช่วงมีการนำเสนอ ถึงผลการศึกษาความเหมาะสมของจังหวัดปราจีนบุรีในการเข้าสู่พื้นที่อีอีซี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ –อส.ได้พบมีการแจกจ่ายเอกสารจากผู้ที่เข้าร่วมประชุม จึงได้ขอเข้าตรวจกระเป๋า ทางบุคคลดังกล่าวได้เทเอกสารลงพื้นให้ดูพร้อมมีการท้วงติงลิดรอนสิทธิส่วนบุคคล
โดยทางฝ่ายไม่เอาEEC กล่าวแสดงทรรศนะโดยสรุปว่า EEC เป็นกฎหมายที่มีความล้มเหลวในการบังคับใช้หลายกรณี อาทิ ความหละหลวมในการบริหารจัดการมลพิษและกากสารเคมี การคุ้มครองด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค การคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการอยู่อาศัยและทำกิน รวมถึงเรื่องกองทุนการช่วยเหลือเยียวยา ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงภายใต้กฎหมายดังกล่าว รัฐบาลจึงไม่ควรนำความล้มเหลวเหล่านั้นมาดำเนินการให้เกิดขึ้น .กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีลักษณะของการละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง และเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างประชาชนกับนักลงทุน โดยมีการยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายปกติที่มีอยู่แล้วร่วม 20 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน การจัดการทรัพยากรและพื้นที่อนุรักษ์ การประกอบอาชีพสงวน การเงิน แรงงาน ผังเมือง และอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่พลเมืองไทยไม่เคยได้รับ หรือไม่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย แต่กฎหมายดังกล่าวนั้นกลับเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนักลงทุน (ต่างชาติ) เกือบทุกมิติ
มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว /ณัฐนันท์-ภาพ/ปราจีนบุรี