In News
นายกฯอนุทินขนทีมศก.บุกส.ธนาคารไทย ฝาก2ประเด็น/ดันแบงค์ไทยสู่ผู้นำอาเซียน
กรุงเทพฯ-นายกฯ นำทีมศก. หารือสมาคมธนาคารไทย ชง 2 ประเด็นความห่วงใยฝากส.ธนาคารฯ ทั้งปัญหาหนี้สินประชาชน เอสเอ็มอี และหนี้ครัวเรือน และการผ่อนปรนเกณฑ์ เพื่อเร่งให้มีสภาพคล่องเข้าไปในตลาด สำหรับลูกค้าที่มีศักยภาพ มีความสามารถในการผลิตสินค้าเข้าไปในตลาด พร้อมผลักดันให้ธนาคารของไทยกลับมาเป็นผู้นำอาเซียนอีกครั้ง ขณะที่ประธานสมาคมฯเชื่อรัฐบาลชุดนี้เป็นนักการเงินรู้ปัญหาดี สำหรับการแก้ปํญหาหนี้เอสเอ็มอีนั้นอยู่นอกระบบธนาคารถึง 48% จึงไม่มีข้อมูลในการแก้ปัญหา
เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 22 กันยายน ที่สมาคมธนาคารไทย ถ.แจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นประธานการหารือ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงรับฟังข้อเสนอเพื่อสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ร่วมกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง นายผยง ศรีวานิช ประธานสมาคมธนาคารไทย คณะกรรมการสมาคมธนาคารไทย และที่ปรึกษาสมาคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้นำทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาพบสมาคมธนาคารไทย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น ตนมีความตั้งใจที่จะมาพบกับทุกคน หลังจากที่มีความชัดเจนในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ตนได้ใช้ความพยายามที่จะคัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ มาบริหารงานด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลนี้ เชื่อว่าทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมาพบปะกับสถาบันต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ได้ไปพบผู้ประกอบการ ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แต่ตนก็มีข้อสังเกตแม้จะออกจากวงการนี้ไปนาน พบว่ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก เช่น ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้รับข้อมูลโดยตรงจากผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพในแต่ละภาคส่วน ขณะที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พบกับเจ้าของกิจการ โดยข้อมูลที่ได้มาสร้างประโยชน์ และแนวคิดให้กับตน และทีมงานด้านเศรษฐกิจ เป็นแนวทางที่ให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือแก้ไข ซึ่งถือว่ามาจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคการเกษตร การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และภาคบริการ
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ทุกคนมีเป้าหมายเชื่อว่าประเทศไทยจะไปถึงจุดนั้นให้ได้ ดังนั้น ต้องใช้ความสามารถที่มีอยู่ รวมถึงความได้เปรียบการแข่งขันทางการค้า นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางอาเซียน และภูมิภาค ที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจ เชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะนำไปสู่เป้าหมาย โดยที่ให้รัฐบาลสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ดังนั้น เมื่อพบกับผู้ประกอบการแล้ว มีความจำเป็นต้องมาพบกับหัวใจระบบเศรษฐกิจ คือ การแก้ปัญหาทางการเงินการธนาคาร และอยากให้สมาคมเปิดใจในการหารือ เพราะไม่ใช่คนอื่นคนไกล
สำหรับในการหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย รัฐบาลได้หารือในประเด็นข้อห่วงใย และได้ขอรับการสนับสนุนจากสมาคมฯ ได้แก่
1.ปัญหาหนี้สินประชาชน เอสเอ็มอี และหนี้ครัวเรือน
2.การผ่อนปรนเกณฑ์ เพื่อเร่งให้มีสภาพคล่องเข้าไปในตลาด สำหรับลูกค้าที่มีศักยภาพ มีความสามารถในการผลิตสินค้าเข้าไปในตลาด
นอกจากนี้ ยังได้รับฟังความเห็น ความกังวลต่างๆ ของทางสมาคมฯ เราต้องแข่งขันกับภูมิภาคด้วย จะทำอย่างไรให้ระบบการธนาคารของประเทศไทยที่เราเคยเป็นผู้นำกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ในภูมิภาคอาเซียนนี้ ซึ่งสิ่งใดที่รัฐบาลทำให้ได้ เราก็จะเร่งดำเนินการ
“ผมไม่ได้กังวล เพราะที่เรายืนอยู่ตรงนี้ ทีมของผมมีทั้งประธานบอร์ดแบงก์เก่า กรรมการแบงก์ และผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงไทยมาก่อน เรื่องเหล่านี้ทุกท่านรับไปหมดแล้ว ผมมีหน้าที่เห็นชอบ และผลักดันตามที่นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจเสนอขึ้นมา“นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ การหารือวันนี้ จะเร่งนำไปสู่การปฏิบัติโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพประเทศไทย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งการท่องเที่ยว บริการ ศูนย์ดูแลสุขภาพ เกษตรกรรม รวมทั้งอุตสาหกรรมไฮเทค และอุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เราได้หารือแนวทางการร่วมมือถึงปัญหาเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีปัญหาเยอะ โดยนายกฯ ได้ให้นโยบายฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เร็ว และการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สะสมมายาวนาน
ขณะที่สภาพคล่องของเอสเอ็มอี เราจะพยายามแก้ปัญหาให้เข้าถึงสภาพคล่อง และเตรียมพร้อมให้เอสเอ็ทอีแข่งขันได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา นายกฯ ได้นำทีมเศรษฐกิจหารือสภาหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อมโยงอุตสาหกรรมและแรงงานจำนวนมาก ขณะที่การหารือสมาคมธนาคารไทยนั้น เป็นเหมือนเครื่องจักรหล่อลื่น เพื่อทำให้ Quick Big Win
“ในช่วงเวลาสั้นๆ นายกฯ ได้มอบนโยบายว่า จะทำอะไรก็ได้ให้ Quick Big Win และสร้างความยั่งยืนให้เศรษฐกิจไทย รวมถึงการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศไทย ซึ่งจะต้องทำโดยมีเสถียรภาพ เรียกความเชื่อมั่นใจกับต่างชาติด้วย“นายเอกนิติ กล่าว
นายผยง ศรีวานิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สมาคมธนาคารไทย ในรอบ 58 ปี ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาด้วยตัวเอง รวมถึงคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน โดยรัฐบาลฝากโจทย์ใหญ่เรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งแต่ทั้งระบบองคาพยพต้องไปด้วยกัน ขณะที่รัฐบาลมีเวลาเพียง 4 เดือนจะต้องดูลำดับความสำคัญ เพราะนายกรัฐมนตรีต้องการ Quick Big Win ซึ่งทุกคนเข้าใจตรงกัน
“วันนี้ภาคธนาคารก็ได้รับทราบนโยบายจากนายกรัฐมนตรี โดยได้มีการปรับรายละเอียดเพื่อให้สามารถร่วมมือกันได้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน สมาคมธนาคารไทย ไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทำอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากนายกและทีมเศรษฐกิจมีความเข้าใจในเรื่องการเงินการธนาคารครอบคลุมทุกด้านอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องการลงทุน พลังงาน“
ส่วนเรื่องสภาพคล่องไม่ได้มีปัญหาในตัวเอง เพียงแต่ไม่สามารถไหลไปสู่จุดที่ต้องการได้ ซึ่งไปดูว่าขาดอะไรและต้องเร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ให้รอความชัดเจนในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรีเน้นผลลัพธ์เป็นตัวตั้งแล้วทำงานเพื่อไปสู่ผลลัพธ์นั้น
สำหรับมาตรการในการเพิ่มสภาพคล่อง เรื่องข้อมูลเป็นจุดสำคัญที่ระบบไม่มี เนื่องจากเมื่อดูโครงสร้าง เอสเอ็มอีแล้ว พบว่า มีผู้ประกอบการอยู่นอกระบบมากถึง 48% ส่งผลให้ไม่มีข้อมูล นำไปสู่ความสับสน สะท้อนไปถึงคุณภาพของหนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นนักธุรกิจ เข้าใจทุกข้อต่อของห่วงโซ่อุปทาน และองค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ปธ.ส.ธนาคารไทยเผยผลหาหรือกับนายกฯอนุทิน
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยถึงการตรวจสอบกรณีที่ค่าเงินบาทแข็งค่า รวมถึงเงินทุนไหลเข้ามาจำนวนมาก ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นเงินทุนสีเทาว่า สมาคมธนาคารไทย ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้แล้ว และได้เรียนนายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสิ่งที่ต้องเร่งทำ ก็คือการ Connect the dots" (การเชื่อมโยงจุด)
อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนของเงินทุนในรูปแบบต่างๆ ต้องผ่านหลายกลไกในระบบตลาด ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดทั่วไป (Physical) และตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ที่เป็นทั้งระบบธนาคารและไม่ใช่ระบบธนาคารไปจนถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุน โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งล่าสุด ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ นายผยง ระบุว่า จากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (22 ก.ย.68) สิ่งสำคัญคือการเลือกโจทย์ที่จะต้องเร่งดำเนินการ โดยโจทย์ใหญ่ที่สะท้อนจากภาคครัวเรือนคือปัญหาหนี้ แม้หนี้ครัวเรือนจะเป็นเพียงแกนหนึ่ง แต่ยังมีโจทย์เชิงระบบที่เกี่ยวข้องกับทั้งโครงสร้างเศรษฐกิจและกลไกต่าง ๆ ที่ต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีเวลาทำงานเพียง 4 เดือน จึงต้องจัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบ Quick Big Win ซึ่งทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ต่างเข้าใจตรงกันและพร้อมปรับรายละเอียดให้เกิดความร่วมมือ โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการร้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นพิเศษ เพราะทุกฝ่ายตระหนักดีถึงแนวทางที่ทีมเศรษฐกิจได้วางไว้
นายผยง กล่าวอีกว่า ทีมเศรษฐกิจครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการเงิน การธนาคาร ตลาดทุน พลังงาน และการค้า ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปีที่นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเข้าร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนโดยตรง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ กำหนดทิศทางและสร้างความร่วมมืออย่างจริงจัง
สำหรับประเด็นเร่งด่วน นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับภาคประชาชนและการจ้างงาน รวมถึงการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องและภาระหนี้ แม้สภาพคล่องในระบบจะมีเพียงพอ แต่ยังไม่สามารถไหลไปถึงจุดที่ต้องการได้ จึงจำเป็นต้องเร่งหากลไกรับประกันและสร้างความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่หยิบยกขึ้นมาคือการปรับปรุงเครดิต
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ท้าทายคือโครงสร้างเศรษฐกิจนอกระบบที่มีสัดส่วนสูงถึง 48% ส่งผลให้ขาดข้อมูลที่ถูกต้อง นำไปสู่ความสับสนและคุณภาพหนี้ที่ไม่แข็งแรง ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะนักธุรกิจเข้าใจปัญหานี้ดี และยืนยันจะให้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจทำงานเต็มที่ โดยเน้นผลลัพธ์ และทำงานแบบ Work Backward เพื่อให้มาตรการออกมาเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามนโยบายของนายกรัฐมตรี ที่บอกให้สั่งวันนี้ ให้ทำเมื่อวานนั้น จึงได้ประสานกับทางทีมที่กระทรวงการคลังให้ Connect the dots" ไว้แล้ว โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางสมาคมธนาคารไทยได้มาฉายภาพให้เห็นและชี้จุดเดียวกัน พบว่า ในเรื่องของค่าเงินมันมีหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้ง ปปง. กลต. และก็หน่วยงานต่าง ๆ
โดยเบื้องต้นกระทรวงการคลัง ก็ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยปลัดกระทรวงการคลังได้จัดตั้งทีมงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้ เพื่อจะได้มีการทำงานร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์การเชื่อมโยงที่ประธานสมาคมธนาคารไทยพูดถึงการเชื่อมโยงให้เห็นว่า ตกลงเงินมาจากตรงไหน จะได้แก้ปัญหาให้ตรงจุด โดยหลังจากที่ถวายสัตย์และมีการแถลงนโยบายเสร็จก็จะดำเนินการเรื่องนี้ทันที
