In News

ทำเนียบรับครม.ชุดใหม่จัดประชุมนัดแรก ถกวาระแบ่งงาน/ตั้ง'ไตรศุลี'เลขาฯนายก



กรุงเทพฯ-ทำเนียบรัฐบาลเตรียมพร้อมรับครม.ชุดใหม่  หลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเย็นนี้  เตรียมแต่งตั้ง “ไตรศุลี”นั่งเลขานายกฯ กำชับพรรคร่วมรัฐบาลเร่งเสนอชื่อข้าราชการการเมือง 

วันที่ 24 ก.ย.2568  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว. มหาดไทย นำคณะรัฐมนตรี(ครม.) เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เวลา 18.00 น.

โดยตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดเตรียมสถานที่ตามจุดต่างๆ โดยที่เวลา 14.00 น. ครม.ทั้งหมดจะถ่ายรูปเดี่ยวติดบัตร ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี และตรวจ ATK ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี จากนั้นเวลา 15.30 น. ถ่ายภาพหมู่ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และเวลา 16.00 น. ครม.เดินทางออกจากตึกสันติไมตรี ไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน

ภายหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จะมีการประชุม ครม.นัดแรก ที่ห้อง 501 ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งมีวาระสำคัญที่จะมีการเสนอให้ครม.เห็นชอบ คือ ร่างนโยบายของครม.แถลงต่อรัฐสภา การแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี และรมต.ประจำสำนักนายกฯ และการเสนอแต่งตั้ง น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการทางการเมืองจะมีการแต่งตั้งในการประชุมครม. ครั้งถัดไป

ทั้งนี้ การประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่พรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2568 ที่ประชุมได้มีการกำชับให้พรรคร่วมรัฐบาลเร่งเสนอรายชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งข้าราชการทางการเมือง เนื่องจากต้องใช้เวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติ พร้อมกันนี้ ในที่ประชุมแกนนำพรรคภูมิใจไทยยังได้เน้นย้ำว่า จะยุบสภาภายใน 4 เดือนแน่นอน

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ซึ่งถือว่าเป็นการประชุมครั้งแรกของ “ครม.อนุทิน 1” โดยการประชุมจะมีขึ้นหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นำ ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นที่เรียบร้อย คณะรัฐมนตรีทั้งหมดจะกลับมาประชุม ครม.นัดพิเศษที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลาประมาณ 19.00 น.

ส่วนวาระสำคัญในการประชุม ครม.ได้แก่ การเสนอให้ ครม.รับทราบร่างคำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการแถลงต่อรัฐสภา จากนั้นเมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วจะส่งคำแถลงนโยบายนั้นไปให้กับสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแจกจ่ายให้กับ สส.ได้มีการอ่านนโยบายของรัฐบาลล่วงหน้าก่อน ที่จะรับฟังการแถลงนโยบาย โดยจะมีการเปิดให้ สส.อภิปราย และซักถามจากรัฐบาลได้

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีระบุว่าในร่างแถลงนโยบาย หรือที่เรียกว่า “สมุดปกน้ำเงิน” มีความคืบหน้าโดยร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีทั้งหมด 8 หน้า โดยนโยบายทั้งหมดจะเน้น 4 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจปากท้อง ความมั่นคง และชายแดน ปัญหาสังคม ภัยธรรมชาติ และการเยียวยา

สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจ จะเน้นเรื่องการลดค่าครองชีพแก่ประชาชน เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งขณะนี้เรื่องระบบการใช้-วงเงินอยู่ระหว่างการพูดคุย การลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ลดค่าทางด่วน รวมถึงอาจจะปรับนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยเคยหาเสียงไว้ เช่น โซลาร์รูฟท็อป เป็นโซลาร์ชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ เพื่อให้เข้ากับการทำงานของอายุรัฐบาล 4 เดือน นอกจากนี้ จะสานต่อนโยบายหวยเกษียณ โดยอาจจะมีการปรับรูปแบบจากเดิม

ทั้งนี้ในการประชุม ครม.นัดพิเศษวันนี้ นายอนุทินจะเสนอที่ประชุม ครม.เห็นชอบข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยจะเสนอชื่อของนางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย และอดีตรองโฆษกรัฐบาล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ในการประชุม ครม.ครั้งนี้นายอนุทิน จะแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คนกำกับดูแลกระทรวง และหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงเศรษฐกิจหลายกระทรวงที่เป็นโควตาคนนอกที่ นายอนุทินได้เชิญบุคคลภายนอกที่เป็นนักธุรกิจเข้ามาร่วมใน ครม.คือ กระทรวงพาณิชย์ ที่มีนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ที่มีนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นั้นจะมอบหมายให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กำกับดูแล  

นอกจากนั้นยังมีหน่วยงานเศรษฐกิจในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะมอบหมายให้นายเอกนิติ กำกับดูแล เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รวมทั้งสำนักงบประมาณ

ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ จะอยู่ในการกำกับดูแลของรองนายกรัฐมนตรีตามโควตาทางการเมือง เช่น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.) กำกับดูแลกระทรวงอุตสาหกรรม

ส่วนหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คาดว่าจะอยู่ในการกำกับดูแลของนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี