ECO & ESG
กระบี่ตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจขึ้นดูแล คุ้มครองพะยูนในพื้นที่ทะเลของกระบี่

กระบี่-เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568จังหวัดกระบี่ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้จัดประชุมชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจดูแลคุ้มครองพะยูนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ โดยนายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมายให้นายสุวิทย์ สุริยะวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และนายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง เป็นประธานการประชุม มีชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจฯ จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ห้องประชุมอ่าวลึก ศาลากลางจังหวัดกระบี่
นายสุวิทย์ สุริยะวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2568 พบซากพะยูนตัวเต็มวัย ลักษณะภายนอกพบบาดแผลรอยเขี้ยวจากพฤติกรรมฝูงตามลำตัว และบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกตัดด้วยของมีคม บริเวณส่วนหัวกลางกะโหลกศีรษะมีรอยแตก กะโหลกส่วนหน้า ขากรรไกรบนและล่างถูกตัดขาดสูญหายไป ลักษณะขอบแผลคม คาดว่าถูกตัดหัวด้วยของมีคมหลังจากพะยูนตายแล้ว เกยตื้นบริเวณหน้าหาดบ้านหลังเกาะ หมู่ที่ 7 ตำบลเกาะศรีบอยา อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ซึ่งพะยูนเป็นสัตว์ป้าสงวนจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ลำดับที่ 6 ตามบัญชีสัตว์ป้าสงวน แนบท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นั้น
เพื่อให้การดำเนินการอนุรักษ์ตะยุนในพื้นพื้นที่จังหวัดกระบี่ เป็นไปตามเป้าหมายของแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ และการดำเนินการอนุรักษ์พะยูนพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีผลเป็นรูปธรรรมประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความโนมาตรา 14 ประกอบมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่จึงแต่งตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจดูแลคุ้มครองพะยูนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดแก่ประชากรพะยูน ตามมาตรการอนุรักษ์พะยูนสัตว์ทะเลหายาก และสัตว์ป่าสงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ มีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ประธานอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล(อสทล.) ร่วมเป็นชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ
โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 เป็นเลขานุการชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ มีอำนาจหน้าที่ ตรวจสอบและแสวงการหาข่าว เครือข่ายการกค้า/ช่องทางการลักลอบทั้งภายในและนอกประเทศ ประชาสัมพันธ์ช่องทางการรับแจ้ง และระบบรับเรื่องจากชุมชนประมงชาวบ้าน พร้อมมาตรการคุ้มครองผู้ให้เบาะแส เสนอแนวทางเชิงยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันเหตุซ้ำ ประสานด้านการฟื้นฟูหรือช่วยเหลือพะยูนที่ยังมีชีวิต และรวบรวมหลักฐานสำหรับการดำเนินคดีอาญาและการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งต่อผู้กระทำผิด รวมถึงการติดตามทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดเพื่ออายัด/ริบ รวมทั้งประสานข้อมูลที่สำคัญของการแจ้งเหตุ แจ้งเบาะแส เพื่อพบพะยูนบาดเจ็บ หรือถูกคุกคาม และรับเรื่องร้องเรียนและเปิดคดีสืบสวนเชิงลึกกรณีพบซากพะยูนหรือเบาะแสการฆ่า/ค้าพะยูน รวมทั้งกำหนดลำดับความสำคัญคดีเร่งด่วน(Hot Cases)
นอกจากนี้ ยังได้ให้ตำรวจภูธรจังหวัด สืบสวนหาข่าวแหล่งซื้อขายซากพะยูน เพื่อดำนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งผู้ค้าและผู้ครอบครอง พร้อมทั้งให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในการอนุรักษ์พะยูน การปลูกและขายพันธุ์หญ้าทะเลที่เป็นแหล่งอาหารสำคัญของพะยูน เป็นต้น
นายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันยังไม่พบพฤติกรรมการล่าพะยูน แต่เมื่อพะยูนตายตามธรรมชาติก็จะมีผู้ตัดเขี้ยวของพะยูนไปขายในตลาดมืดเพื่อทำเครื่องรางของขลัง ซึ่งถือว่าผิดกฎหมายเนื่องจากพะยูนเป็นสัตว์ป่าสงวนจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมลำดับที่ 6 ตามบัญชีสัตว์ป่าสงวน แนบท้าย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โดยผู้ค้าผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าสงวน กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ไม่เกิน 15 ปี หรือปรับ 300,000-1,500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยง และลาดตระเวน เฝ้าระวัง คุ้มครองพะยูน โดยเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อติดตามสถานการณ์และป้องกันกิจกรรมที่อาจเป็นอันตรายต่อพะยูนได้
สำหรับสถานการณ์พะยูนในประเทศไทย พ.ศ. 2568 จำนวน 203 ตัว โดยปี 2566 มีประชุมสูงสุด 270 ตัว ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ฝั่งอันดามัน 90 % โดยที่จังหวัดกระบี่ พบจำนวน 18 ตัว ส่วนใหญ่ที่เกาะศรีบอยา ส่วนตรัง 59 ตัว สตูล 6 ตัว เกาะพระทองและเกาะคอเขา จ.พังงาและฝั่งตะวันตก จ.ระนอง 30 ตัว เกาะยาวน้อย-ใหญ่ อ่าวพังงา อ่าวป่าคลอก 75 ตัว ส่วนสถิติพะยูนเกยตื้น จ.กระบี่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 7 ตัว 2568 จำนวน 17 ตัว และ 2569 จำนวน 3 ตัว สาเหตุการเกยตื้น จ.กระบี่ ไม่ทราบสาเหตุ 50 % ป่วย 42 % อุบัติเหตุทางทะเล 4 % และเครื่องมือประมง 4 % ส่วนสถาพภาพหญ้าทะเลในพื้นที่ จ.กระบี่ ปี 2568 พบพื้นที่การกระจายของหญ้าทะเลประมาณ 10,894 ไร่ มีค่าเฉลี่ยการปกคลุมต่ำ 4% มีการเปลี่ยนแปลงที่เสื่อมโทรมลง เปรียบเทียบกับ ปี 2566 (14,577 ไร่) ลดลง 20 % ...
กระบี่/ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน