In Bangkok
รองผู้ว่าฯลงเขตประเวศพาชมคัดแยกขยะ ตรวจวินจยย.ต้นแบบร้านอาหารบัว

กรุงเทพฯ-ประเวศพาชมคัดแยกขยะโรงพยาบาลสินแพทย์ ตรวจเข้มวินจักรยานยนต์ต้นแบบ ปั้นสวนพาราไดซ์พาร์ค ส่องกล้องจับปรับผู้ขับขี่บนทางเท้า ถอยร่นแผงค้าหน้านิรันดร์เรสซิเดนซ์ 5 และยงเจริญคอมเพล็กซ์ เล็งรับมอบพื้นที่ชุมชนมหาดไทย
(14 ต.ค. 68) เวลา 13.30 น. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขตประเวศ ประกอบด้วย
เยี่ยมชมต้นแบบการคัดแยกขยะ โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 พื้นที่ 44.555 ตารางเมตร ผู้มาใช้บริการ 250-300 คน/วัน วิธีการคัดแยกขยะ โดยจำแนกตามประเภทของขยะ ดังนี้ 1.ขยะอินทรีย์ ผู้ค้าบริเวณโรงอาหารฮาลาล และโรงอาหารปกติ จะนำขยะเศษอาหาร มารวมที่จุดทิ้งขยะเฉพาะเศษอาหาร ที่จุดพักขยะ โดยมีเกษตรกรมารับไปเป็นอาหารปลา 2.ขยะรีไซเคิล เจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร จะนำขยะรีไซเคิล มาที่จุดทิ้งขยะรีไซเคิล และคัดแยกแต่ละประเภท เพื่อนำไปจำหน่าย 3.ขยะทั่วไป เจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร จะนำขยะจากทุกจุดในอาคาร รวบรวมนำมาไว้ที่จุดพักขยะ เขตฯ นำรถอัด 5 ตัน จัดเก็บทุกวัน 4.ขยะอันตราย เจ้าหน้าที่ดูแลอาคาร นำขยะมารวมไว้ที่จุดพักขยะอัตราย แจ้งเขตฯ จัดเก็บ 5.ขยะติดเชื้อ บริษัทกรุงเทพธนาคม ดำเนินการจัดเก็บ 2-3 วัน/ครั้ง สำหรับปริมาณขยะก่อนคัดแยกและหลังคัดแยก ดังนี้ ขยะทั่วไปก่อนคัดแยก 11,269 กิโลกรัม/เดือน หลังคัดแยก 8,835 กิโลกรัม/เดือน ขยะรีไซเคิลหลังคัดแยก 2,194 กิโลกรัม/เดือน ขยะอินทรีย์หลังคัดแยก 240 กิโลกรัม/เดือน ขยะอันตรายก่อนคัดแยก 11 กิโลกรัม/เดือน ขยะติดเชื้อก่อนคัดแยก 2,980 กิโลกรัม/เดือน ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้คำแนะนำในการคัดแยกขยะประเภทต่าง ๆ เพื่อให้จัดเก็บมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเศษผัก เศษผลไม้ ที่สามารถแยกจากขยะทั่วไปได้อีก ซึ่งปริมาณขยะที่คัดแยกจะมีผลต่ออัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการมูลฝอยฉบับใหม่ พร้อมทั้งมอบหมายให้เขตฯ ลงพื้นที่ตามหมู่บ้าน ชุมชน คอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY เข้าร่วมโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” ปัจจุบันเริ่มจัดเก็บอัตราค่าธรรมเนียมในการจัดการมูลฝอยฉบับใหม่แล้ว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
ติดตามการจัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์สาธารณะ วินร้านอาหารบัว ซอยศรีนครินทร์ 55 ผู้ขับขี่ 14 คน สถานที่ตั้งวินและจุดจอดรถจักรยานยนต์อยู่ในพื้นที่เอกชน ปัจจุบันเขตฯ มีวินรถจักรยานยนต์สาธารณะในพื้นที่ 137 วิน ผู้ขับขี่ 1,391 คน มีวินรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีศักยภาพเพื่อพัฒนาให้เป็นวินต้นแบบ 28 วิน ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ จัดระเบียบวินรถจักรยานยนต์สาธารณะให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตรวจตามแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะอย่างเคร่งครัด เน้นย้ำผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับที่กฎหมายกำหนด อาทิ การแต่งกาย ป้ายทะเบียนรถ อัตราค่าโดยสาร สถานที่ตั้งวิน วินัยจราจร ซึ่งเขตฯ ได้ตรวจความเรียบร้อยตามแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะอย่างต่อเนื่อง หากพบว่ามีข้อใดไม่ถูกต้องตามเกณฑ์จะแจ้งข้อบกพร่องให้ผู้ขับขี่รับทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องเรียบร้อย สำหรับแบบประเมินวินรถจักรยานยนต์สาธารณะ ประกอบด้วย 1.ด้านความสะอาด ได้แก่ สถานที่ตั้งวินและโดยรอบต้องมีความสะอาด ไม่มีการตอกผูกยึดโยง 2.ด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อย ได้แก่ จอดรถจักรยานยนต์เป็นระเบียบ ไม่กีดขวางทางเท้าหรือพื้นผิวจราจร ตั้งวางม้านั่งเป็นระเบียบ 3.ด้านกฎหมาย ได้แก่ การแต่งกายถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เสื้อวิน เบอร์เสื้อถูกต้องตามบัญชี ไม่ขับขี่บนทางเท้า ป้ายทะเบียนถูกต้อง สวมหมวกนิรภัย ป้ายอัตราค่าโดยสารถูกต้อง ไม่เก็บค่าโดยสารเกินราคา ไม่นำเสื้อวินไปเช่าช่วงต่อ 4.ด้านอื่น ๆ ได้แก่ ไม่ดื่มสุรา กริยามารยาทสุภาพ
พัฒนาสวน 15 นาที สวนหน้าห้างพาราไดซ์ สวน 15 นาที @ พาราไดซ์ พาร์ค ซึ่งเขตฯ ได้ปรับปรุงพื้นที่ด้านหน้าห้าง จัดทำทางเดิน ตั้งวางม้านั่ง ปลูกหญ้าสนาม ปลูกไม้พุ่มไม้ประดับ ในโอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเขตฯ ร่วมกันตัดริบบิ้นเปิดสวนดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันเขตฯ มีสวน 15 นาที (สวนเดิม) จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ 1.สวนพัฒนาภิรมย์ พื้นที่ 3 ไร่ 2.สวนสุขภาพประเวศ พื้นที่ 10 ไร่ 3.สวนวงเวียนเจ้าแม่กวนอิม พื้นที่ 2 งาน สวน 15 นาที (สวนใหม่) จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ 1.สวนเฉลิมพัฒน์ พื้นที่ 3 ไร่ 2.สวนกาญจนาบารเมษฐ์ พื้นที่ 3 ไร่ 3.สวนคลองปักหลักพัฒนา พื้นที่ 2 ไร่ กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมทางหลวง 4.สวนคลองปักหลัก 2 ริมถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกฝั่งขาเข้า พื้นที่ 3 ไร่ กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมทางหลวง 5.สวนริมถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกฝั่งขาออก บริเวณหน้าบริษัทมิตแลนท์ พื้นที่ 1.5 ไร่ กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมทางหลวง 6.สวนริมถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกฝั่งขาออก บริเวณหน้าร้านอาหารเลคเฮ้าส์ พื้นที่ 1 ไร่ กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของกรมทางหลวง 7.สวนประเวศสุขใจ หรือสวนอาคารสงเคราะห์ข้าราชการกรุงเทพมหานคร ประเวศ (แฟลต 72) หรือ พื้นที่ 1 งาน 75 ตารางวา 8.สวนศรีนครินทร์ 59 พื้นที่ 12.5 ตารางวา 9.สวนห้าง Paradise พื้นที่ 1 งาน 25 ตารางวา 10.สวนชุมชนดอกไม้ พื้นที่ 22.5 ตารางวา ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ จัดทำสวน 15 นาทีให้แล้วเสร็จครบทั้ง 10 แห่ง รวมทั้งสำรวจพื้นที่ว่างที่มีความเหมาะสมเพื่อจัดทำสวน 15 นาทีเพิ่มเติม ออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในสวนให้ตรงกับความต้องการของชุมชน โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการเข้ามาใช้บริการอย่างแท้จริง รวมถึงดูแลบำรุงรักษาสวนที่จัดทำเสร็จแล้วให้มีความร่มรื่นสวยงามอยู่เสมอ ตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ตรวจจุดติดตั้งกล้อง CCTV จับภาพอัจฉริยะผ่านระบบ BMA AI บริเวณปากซอยศรีนครินทร์ 42 ถนนศรีนครินทร์ เพื่อตรวจจับผู้กระทำความผิดขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า กวดขันวินัยจราจรเปรียบเทียบปรับแก่ผู้ฝ่าฝืนนำรถยนต์ขึ้นมาจอดหรือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า บังคับการตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 ซึ่งเขตฯ ได้ติดป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ตั้งวางแผงเหล็กกั้น ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับเป็นพินัยไม่เกิน 5,000 บาท
ติดตามการแก้ไขปัญหาพื้นที่ทำการค้า บริเวณหน้าอาคารนิรันดร์เรสซิเดนซ์ 5 และหน้าอาคารยงเจริญคอมเพล็กซ์ ซอยศรีนครินทร์ 40 โดยวันนี้เป็นการลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าในการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าต่อเนื่องจากเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมาเขตฯ ได้ตรวจสอบที่ดินบริเวณดังกล่าว พบว่าเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ ไม่ได้เป็นที่ดินนิติบุคคลของอาคารดังกล่าว ซึ่งบริเวณด้านหน้าอาคารนิรันดร์เรสซิเดนซ์ 5 ผู้ค้า 50 ราย ส่วนบริเวณด้านหน้าอาคารยงเจริญคอมเพล็กซ์ เฟส 1 และเฟส 2 ผู้ค้า 48 ราย ด้านหน้าอาคารยงเจริญคอมเพล็กซ์ เฟส 3 ผู้ค้า 15 ราย รวมผู้ค้าทั้งสิ้น 113 ราย ผู้ค้าได้จ่ายค่าเช่าพื้นที่ทำการค้าให้กับนิติบุคคลของอาคารดังกล่าว มีการตั้งวางแผงค้าบริเวณผิวจราจรกีดขวางทางสัญจร และประชาชนไม่มีทางเดิน ต่อมาเขตฯ ได้พิจารณายกเลิกพื้นที่ทำการค้าตามคำสั่งศาลปกครอง โดยเชิญผู้ค้ามาประชุมสร้างความเข้าใจ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ จึงพิจารณายกเลิกพื้นที่ทำการค้าดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 โดยผู้ค้าส่วนหนึ่งย้ายเข้าไปทำการค้าด้านหน้าอาคารดังกล่าว ปรับลดขนาดของแผงค้าให้เล็กลง จัดรูปแบบแผงค้าใหม่ ขีดสีตีเส้นกำหนดขอบเขตร้านค้า ผู้ค้าบางส่วนเข้าไปทำการค้าในซอยด้านในระหว่างอาคาร ติดตั้งรั้วเหล็กริมทางเท้า
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้เขตฯ จัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทำการค้าปี 67 เพื่อความเป็นระเบียบของพื้นที่ รวมถึงปรับปรุงพื้นทางเท้าที่ชำรุด หลังจากผู้ค้าย้ายออกจากพื้นที่ทั้งหมดแล้ว ปัจจุบันเขตฯ มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน จำนวน 1 จุด คือพื้นที่ว่างปากซอยอ่อนนุช 70 ผู้ค้า 53 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-23.00 น. ซึ่งในปี 2567 เขตฯ ยกเลิกจุดทำการค้า 2 จุด ได้แก่ 1.ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 21 ผู้ค้า 26 ราย 2.หน้าโรงเรียนบ้านหนองบอน ผู้ค้า 7 ราย ยกเลิกวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ส่วนพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน จำนวน 1 จุด คือตลาดอ่อนนุช 70/1 แยก 2 ผู้ค้า 119 ราย ช่วงเวลาทำการค้า 06.00-19.00 น. ซึ่งในปี 2568 เขตฯ ยกเลิกจุดทำการค้า 1 จุด คือตลาดโรงถ่าน ถนนสุขาภิบาล 2 ผู้ค้า 36 ราย ยกเลิกวันที่ 9 กันยายน 2568 นอกจากนี้ เขตฯ จัดทำ Hawker Center ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 83 พื้นที่ 2 ไร่ เป็นที่ดินของเอกชน สามารถรองรับผู้ค้าได้ 100 ราย จัดเก็บค่าเช่าในอัตราที่เจ้าของพื้นที่กำหนด ซึ่งการจัดทำ Hawker Center เป็นไปตามนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เน้นจุดที่มีความต้องการของผู้บริโภค อยู่ใกล้กับพื้นที่ทำการค้าเดิม มีจุดล้างทำความสะอาดภาชนะ จุดคัดแยกขยะและกำจัดขยะรวม คำนึงถึงช่วงเวลาทำการค้าและความสะดวกในการเข้าถึงพื้นที่ทั้งผู้ค้าและผู้ซื้อ
ติดตามการพิจารณารับมอบพื้นที่จากกระทรวงมหาดไทย ณ ชุมชนมหาดไทย สืบเนื่องจากคณะกรรมการจัดสรรสงเคราะห์ที่ดินแก่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือที่ มท. 0808.3/4675 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2566 มีความเห็นชอบโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณซอย 103 เขตประเวศ รวม 17 โฉนด ที่ดิน 59 ไร่ 2 งาน 47 ตารางวา ให้แก่กรุงเทพมหานคร โดยไม่มีค่าตอบแทน วัตถุประสงค์ให้ใช้ที่ดิน เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับสถานีจอดรถยนต์ ย่านการค้า โรงเรียน สถานที่ราชการ สวนสาธารณะ การไฟฟ้า การประปา สถานีบริการ หรือร้านค้า สำนักงานเขตประเวศ ได้ประชุมร่วมกับกรรมการจัดสรรที่ดินฯ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ได้นำเสนอในที่ประชุมให้ยกเลิกกรณีที่ดินอยู่ภายใต้พื้นที่การจัดสรรของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน เพื่อที่กรุงเทพมหานครจะสามารถนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ ได้ และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกรุงเทพมหานครร่วมหารือแนวทางการรับโอนและวางแผนการพัฒนาพื้นที่ในการใช้ประโยชน์ สำนักการคลัง มีหนังสือที่ กท. 1305/5734 ลงวันที่ 5 กันยายน 2568
รายงานผลการประชุมการรับโอน และให้สำนักงานเขตประเวศติดตามและรายงานการพิจารณาการรับโอนซึ่งในการประชุมระบุให้ร่วมกันพิจารณา และจัดทำข้อเสนอแนะของกรุงเทพมหานคร ซึ่งต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์เดิมในการสงวนที่ดินไว้ เพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อที่ดินจัดสรรเป็นสำคัญ ต่อมาคณะกรรมการจัดสรรสงเคราะห์ที่ดิน มีหนังสือถึงสำนักงานเขตประเวศที่ มท. 0808.3/18864 ลงวันที่ 29 กันยายน 2568 โดยแจ้งว่าเพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถนำที่ดินที่สงวนไว้ไปใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างสาธารณูปโภคหรือดำเนินการเกี่ยวกับสาธารณูปการต่าง ๆ อันเป็นกิจการสาธารณะตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยรวมต่อประชาชนผู้ซึ่งเคยซื้อที่ดินจัดสรรจากกระทรวงมหาดไทย โดยคณะกรรมการฯ มีมติที่ประชุม เมื่อ 28 สิงหาคม 2568 อนุมัติการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทุกแปลงบริเวณซอยสุขุมวิท 103 เขตประเวศ รวม 17 โฉนด ที่ดิน 59 ไร่ 2 งาน 47 ตารางวา ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของกรุงเทพมหานคร โดยไม่มีค่าตอบแทน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามอำนาจหน้าที่ ปัจจุบันสำนักงานเขตประเวศ อยู่ระหว่างจัดทำหนังสือเสนอปลัดกรุงเทพมหานครรับทราบต่อไป
ในการนี้ นายเรืองศักดิ์ สายสิงห์ทอง ผู้อำนวยการเขตประเวศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตประเวศ สำนักเทศกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล