Health & Beauty

เตือน'มะเร็งเต้านม'ไม่เลือกไซซ์หน้าอกแพทย์รพ.วิมุตแนะผู้หญิงตรวจคัดกรอง



กรุงเทพฯ-ทุกวันนี้ โรคมะเร็งเต้านม ยังเป็นหนึ่งในโรคเต้านมที่อันตรายและน่ากังวลมากที่สุด โดยข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและสถาบันมะเร็ง ปี 2565 ระบุว่าหญิงไทยเป็นมะเร็งเต้านมกว่า 38,559 ราย และเสียชีวิตเฉลี่ยถึง 22 คนต่อวัน นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มพบในผู้ป่วยอายุน้อยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนถึงอันตรายที่ผู้หญิงทุกวัยควรตระหนักและหมั่นตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ ก่อนก้อนเนื้อร้ายจะเข้าสู่ระยะรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิต วันนี้ นพ. ศิวรักษ์ ตันตินราวัฒน์ ศัลยศาสตร์มะเร็งเต้านม ศูนย์เต้านม รพ.วิมุต จะมาแชร์เรื่องควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม พร้อมเคลียร์ความเชื่อผิด ๆ ที่อาจกำลังทำให้ผู้หญิงทุกคนเสี่ยงเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว

หน้าอกเล็ก-ใหญ่ ไม่มีผลต่อความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม (Breast Cancer) คือภาวะที่เซลล์ภายในเต้านมเจริญเติบโตผิดปกติและควบคุมไม่ได้ จนกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายซึ่งอาจลุกลามไปยังเนื้อเยื่อใกล้เคียงจนเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดมะเร็งเต้านม ได้แก่ พันธุกรรม อายุที่มากขึ้น ปัญหาด้านฮอร์โมน ภาวะน้ำหนักเกิน รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ส่วนการมีหน้าอกใหญ่ไม่ได้ทำให้เสี่ยงมะเร็งมากขึ้น แต่จะไปเกี่ยวข้องกับความหนาแน่นของเต้านม เพราะเต้านมประกอบด้วยเนื้อเยื่อเต้านม (glandular tissue) ซึ่งเป็นส่วนที่เกิดมะเร็งได้ และอีกส่วนคือเนื้อเยื่อไขมัน (fat tissue) เป็นส่วนที่เกิดมะเร็งได้น้อย ดังนั้นใครที่มีเนื้อเยื่อเต้านมเยอะ จะมีความหนาแน่นของเต้านมมาก อาจเพิ่มโอกาสในเกิดมะเร็งเต้านมมากกว่า

เต้านมมีก้อน-บวม-ขนาดผิดปกติ สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านมที่ห้ามละเลย

อาการของโรคมะเร็งเต้านมไม่ควรมองข้าม ได้แก่ การคลำพบก้อนที่เต้านมหรือบริเวณรักแร้ เต้านมบวมเป็นรอยบุ๋ม มีผื่นคล้ายผิวส้ม แดง อักเสบ หรือมีแผลที่ไม่หาย รวมถึงผิวบริเวณหัวนมที่หนาตัวหรือผิดปกติ และการที่ขนาดหรือรูปร่างของเต้านมและหัวนมผิดปกติ นอกจากนี้หากมีของเหลวไหลออกจากหัวนม หรือรู้สึกเจ็บบริเวณเต้านมหรือหน้าอกโดยไม่มีสาเหตุ ก็ควรรีบเข้ารับการตรวจโดยเร็ว เพราะอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคเต้านมหรือมะเร็งเต้านมได้

มัดรวม 3 ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

รู้ไหมว่าถุงน้ำในเต้านมส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของต่อมน้ำนมที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงก่อนมีประจำเดือน นอกจากนี้การใส่บราที่แน่นหรือมีโครงเป็นเวลานานก็ไม่ได้ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมเช่นกัน อีกหนึ่งความเข้าใจผิดคือผู้ชายจะไม่เป็นมะเร็งเต้านม แต่ในความจริงแล้วผู้ชายก็เป็นโรคเต้านมหรือมะเร็งเต้านมได้ แม้จะพบน้อยกว่าผู้หญิงมาก ตัวอย่างเช่น ภาวะเต้านมโต (Gynecomastia) ซึ่งควรได้รับการตรวจเมื่อพบความผิดปกติเช่นเดียวกัน

คลำเต้านม–แมมโมแกรม–อัลตราซาวด์ ตรวจวิธีไหนให้เหมาะกับอายุ

สำหรับผู้หญิงที่อายุ 20 ปีขึ้นไป ควรคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน เพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ส่วนผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านมหรือที่เรียกว่าแมมโมแกรม (Digital Mammogram) ร่วมกับการอัลตราซาวด์ (Ultrasound) อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อให้ตรวจหาความผิดปกติได้แม่นยำมากขึ้น สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่ เคยฉายรังสีที่หน้าอก มีความผิดปกติของพันธุกรรม BRCA หรือมีเนื้อเยื่อเต้านมหนาแน่นมาก แนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองเร็วกว่าปกติ และหากพบอาการผิดปกติใด ๆ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมทันที

แพทย์ชี้ อย่าเข้าใจผิด แมมโมแกรมปลอดภัย คัดกรองได้แม่นยำ

นพ. ศิวรักษ์ ตันตินราวัฒน์ ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจแมมโมแกรมที่ว่ารังสีจากการตรวจอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือการกดทับเต้านมระหว่างตรวจอาจทำให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งความจริงแล้วปริมาณรังสีที่ใช้ในการตรวจแมมโมแกรมนั้นน้อยมากและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งเครื่องแมมโมแกรมรุ่นใหม่ยังออกแบบให้หนีบเต้านมอย่างนุ่มนวล ทำให้แมมโมแกรมเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ในตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ส่วนขนาดของเต้านมก็ไม่มีผลต่อความแม่นยำในการตรวจแมมโมแกรมหรืออัลตราซาวด์ แต่การมีความหนาแน่นของเต้านมมากอาจลดความไวในการตรวจของแมมโมแกรมเล็กน้อย แต่ถ้าใช้อัลตราซาวด์ร่วมด้วยก็ยังตรวจได้อย่างแม่นยำ

แนวทางการรักษามะเร็งเต้านมเฉพาะบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การรักษามะเร็งเต้านมจะพิจารณาตามระยะและชนิดของโรค และประเมินสภาพร่างกายของผู้ป่วยอย่างละเอียดเพื่อเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด โดยวิธีการรักษาหลักประกอบด้วยการผ่าตัด การฉายแสง และการให้ยา (Systemic Treatment) ซึ่งรวมถึงยาเคมีบำบัด ยาต้านฮอร์โมน ยามุ่งเป้า และยากลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด

“เข้าใจว่าผู้หญิงหลายคนอาจรู้สึกกลัวหรืออายที่ต้องมาตรวจเต้านม แต่การตรวจเต้านมนั้นสำคัญมาก เพราะหากตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นก็มีโอกาสรักษาหายสูง และมีทางเลือกในการรักษามากขึ้น ดังนั้นอยากให้ทุกคนหมั่นคลำตรวจเต้านมด้วยตัวเอง ควบคู่กับการมาตรวจกับแพทย์สม่ำเสมอ การตรวจใช้เวลาไม่นาน ไม่เจ็บ และอยู่ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าใจความรู้สึกของผู้เข้ารับการตรวจ เพื่อให้ทุกคนมั่นใจและไม่รู้สึกเขินอายระหว่างการดูแล” นพ. ศิวรักษ์ ตันตินราวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่สนใจปรึกษาหรือนัดหมายแพทย์โรงพยาบาลวิมุต ติดต่อได้ที่ศูนย์เต้านม ชั้น 4 โรงพยาบาลวิมุต เวลา 8.00 น. - 20.00 น. โทร. 02-079-0040 หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือใช้บริการปรึกษาหมอออนไลน์