In Bangkok
ผู้ว่าฯชัชชาติกลับถึงกรุงเทพฯฯไม่รอช้า รุดดูถนนสามเสนย้ำเร่งฟื้นฟูให้ปลอดภัย

กรุงเทพฯ-"Landing ปุ๊บ Working ปั๊บ" ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กลับถึงกรุงเทพฯ แล้วลงพื้นที่ถนนสามเสนทันที ย้ำเร่งฟื้นฟูอย่างปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ
(18 ตุลาคม 2568) เวลา 06.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางกลับจากต่างประเทศ และรีบลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาถนนสามเสนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลทันที
สถานการณ์ทั่วไป พบว่าการคืนสภาพผิวจราจรมีความคืบหน้าไปมาก โดยได้ดำเนินการถมทรายแล้วกว่า 9,400 ลูกบาศก์เมตร (ประมาณ 900 คันรถบรรทุก) และจะเริ่มลงหินคลุกเพิ่มเติมอีก 3,500 ลูกบาศก์เมตรในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน จากนั้นจะนำแผ่นเหล็กมาปู เพื่ออำนวยความสะดวกให้เครื่องจักรเข้าทำงานรื้อถอนอาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสน คาดว่าจะใช้เวลารื้อถอนราว 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ ระหว่างที่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ อยู่ต่างประเทศ ได้ติดตามความคืบหน้าของงานอย่างใกล้ชิดและสื่อสารกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า “อุโมงค์รถไฟฟ้าเคลื่อนตัว ” ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง อาจเกิดจากการสื่อสารคลาดเคลื่อน โดยขณะนี้ไม่มีการเคลื่อนตัวของอุโมงค์รถไฟใต้ดิน รวมทั้งอาคาร สน.สามเสน อาคารแฟลต และพื้นผิวถนนโดยรอบอยู่ในสภาพนิ่ง รอยแตกร้าวของถนนขยับเล็กน้อยไม่มีการขยายตัวเพิ่มเติม เช่นเดียวกับรอยร้าวบริเวณด้านหลังอาคาร สน.สามเสนที่คงที่ ไม่มีแนวโน้มทรุดตัวเพิ่มเติม ซึ่งได้มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดและเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. จึงไม่น่ากังวล
ในส่วนของการรื้อถอนอาคาร สน.สามเสน ดำเนินไปได้ตามแผนโดยคำนึงถึงความปลอดภัยทุกขั้นตอน หลังจากคืนผิวจราจรแล้ว จะดำเนินการก่อสร้างอาคาร สน.สามเสนขึ้นใหม่ ณ จุดเดิม ในรูปแบบเดิม
สำหรับการเปิดใช้เส้นทางจราจรบนถนนสามเสน ยังไม่มีแผนที่แน่ชัด เนื่องจากต้องวางแผนร่วมกับการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดินคืนกลับด้วย โดยจะพิจารณาความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนเป็นลำดับแรก
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องซับซ้อนที่ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ แต่ขณะนี้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นมาก พื้นดินและโครงสร้างโดยรอบนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนตัวเพิ่มเติม ทรายที่ถมไว้ไม่ยุบตัวเพิ่ม ไม่มีน้ำรั่วซึมเข้าสู่อุโมงค์รถไฟฟ้า และปริมาณฝนในพื้นที่ลดลง ทำให้การดำเนินงานเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย”
ที่ผ่านมา ผู้รับจ้างของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ดำเนินการ “เกราติง (Grouting)” หรือการฉีดซีเมนต์ผสมสารเร่งแข็งตัวรอบอุโมงค์ เพื่อเสริมความแข็งแรงให้โครงสร้าง ก่อนเดินหน้าฟื้นฟูพื้นผิวถนนอย่างถาวร
ส่วนแผนการจราจร รฟม. จะหารือร่วมกับสถานีตำรวจพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางเปิดถนนในระยะต่อไป โดยยึดหลัก “ปลอดภัยก่อนเปิดใช้” เป็นสำคัญ
ด้านโรงพยาบาลวชิรพยาบาลและอาคารข้างเคียงได้รับการยืนยันว่ามีความมั่นคงแข็งแรงดี โดยจะเร่งคืนผิวจราจรฝั่งติดโรงพยาบาลก่อนบางส่วน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านท่อระบายน้ำ ระบบประปา และไฟฟ้า เพื่อให้สามารถคืนสภาพพื้นที่และเปิดการสัญจรได้โดยเร็วที่สุด