Travel Sport & Entertain
Trip-Googleชี้รายงานWhy Travel? ชี้5เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงปี2025

กรุงเทพฯ-22 ตุลาคม 2025 เมื่อเทรนด์การท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน “อาหาร” กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กำหนดจุดหมายปลายทาง นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ด้านอาหาร ออกกำลังกาย หรือผ่อนคลายด้วยสปา เทคโนโลยีก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการช่วยวางแผนทริป แทนที่วิธีการวางแผนแบบดั้งเดิม
Trip.com Group จับมือกับ Google จัดทำรายงาน “Why Travel?” รายงานเชิงลึกระดับโลกที่วิเคราะห์พฤติกรรมการท่องเที่ยวในมิติของ จุดมุ่งหมาย ผู้คน และสถานที่ เพื่อสำรวจแนวโน้มการเดินทางของผู้คนยุคใหม่ โดยอ้างอิงข้อมูลการจองจากทั่วโลกของ Trip.com Group ผสานกับข้อมูลการค้นหาและงานวิจัยของ Google เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้คนในยุคนี้แสวงหาประสบการณ์ที่มีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการเชื่อมโยงกับวัฒนธรรม ชุมชน และใช้เทคโนโลยีที่ช่วยวางแผนการท่องเที่ยวได้อย่างลงตัวในปี 2026 5 เทรนด์หลักที่กำหนดอนาคตการท่องเที่ยวรายงาน “Why Travel?” เน้นย้ำ 5 เทรนด์หลักที่กำลังกำหนดรูปแบบการเดินทางในอนาคต ได้แก่
1. การเดินทางเพื่อแสดงออกถึงตัวตน (Travel as Expression) โซเชียลมีเดียเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนการจองทริปท่องเที่ยว โดยเฉพาะใน ไทย อินโดนีเซีย และอินเดีย นักท่องเที่ยวมากกว่า 75% กล่าวว่าพวกเขาดูไลฟ์สตรีมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ผู้ชมมากกว่า 40% และในบางตลาดสูงถึง 76% กล่าวว่ามีแนวโน้มจะจองการเดินทางโดยตรงผ่านลิงก์ในไลฟ์สตรีม
2. การเดินทางเพื่อจุดมุ่งหมายที่มีความหมาย (Travel with Purpose) นักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง การค้นหา “พิธีชงชาญี่ปุ่น” ใน Google เพิ่มขึ้นถึง 53% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนความนิยมในพิธีกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีคุณค่าทางจิตใจ
3. การเดินทางเพื่อสุขภาพและการฟื้นฟู (Travel to Heal)เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยผสมผสานความท้าทายเข้ากับการพักผ่อน การค้นหา “กอล์ฟและรีสอร์ทสปา” เพิ่มขึ้น 300% และแพ็กเกจ “สกีและสปา” เพิ่มขึ้น 250% เมื่อเทียบรายปี
4. การเดินทางเพื่อเชื่อมโยงผู้คน (Travel to Connect)การท่องเที่ยวไม่ใช่เพียงการเดินทางอีกต่อไป แต่คือการแบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อน ครอบครัว และชุมชน คอนเสิร์ตและกีฬากลายเป็นแรงจูงใจหลักของการเดินทาง โดยนักท่องเที่ยว 2 ใน 3 ยินดีเดินทางไปต่างประเทศเพื่อชมคอนเสิร์ต ขณะที่ “Endurance Tourism” หรือการท่องเที่ยวเพื่อร่วมกิจกรรมความอดทน เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน และแข่งขัน Hyrox เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า
5. การเดินทางแห่งอนาคตด้วยพลังของ AI (Travel of Tomorrow)เทคโนโลยี AI กำลังมีบทบาทสำคัญในการช่วยวางแผนทริป เนื่องจากความมั่นใจของผู้บริโภคในการใช้เทคโนโลยีเพิ่มสูงขึ้น การค้นหา “ช่วยวางแผนการเดินทาง (Help planning my trip)” เพิ่มขึ้นถึง 190% เมื่อเทียบกับปีก่อน
เฝิง หาน รองประธาน Trip.com Group กล่าวว่า “การท่องเที่ยวในปี 2026 จะเป็นมากกว่าการเดินทางไปยังจุดหมายใดจุดหมายหนึ่ง แต่คือการเดินทางที่มีความหมาย เราเห็นนักท่องเที่ยวบินข้ามโลกเพื่อร่วมมาราธอน ชิมอาหารท้องถิ่น หรือแม้แต่จองทริปผ่านโซเชียลมีเดีย การร่วมมือกับ Google ครั้งนี้ช่วยให้เราเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่เพียงว่าผู้คนเดินทางไปที่ไหน แต่ได้ค้นพบเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจเดินทาง”
จอยส์ จาง ผู้อำนวยการจัดการ ทีม Greater China LCS Specialists, Google กล่าวเสริมว่า "เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในวิธีและเหตุผลที่ผู้คนออกเดินทาง โดยนักเดินทางต่างแสวงหาจุดมุ่งหมายที่ลึกซึ้งและประสบการณ์ที่มีความหมายยิ่งขึ้น เครื่องมือ AI ของ Google เช่น Gemini, AI Mode บน Search และ Google Translate กำลังกลายเป็นผู้ช่วยสำคัญในการวางแผนการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็ช่วยให้อุตสาหกรรมและพันธมิตรของเราอย่าง Trip.com Group สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจที่รออยู่ในปี 2026 และต่อๆ ไปได้อีกด้วย"
เมื่อคอมมูนิตี้การท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วย AI เติบโตอย่างรวดเร็ว Trip.com Group จึงมุ่งพัฒนาแพ็กเกจ “ทัวร์คอนเสิร์ตแบบครบวงจร” และขยายเครื่องมือช่วยวางแผนการเดินทางที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น Trip.Planner เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและตรงใจยิ่งขึ้น ในอนาคต การเดินทางจะไม่ใช่แค่การไปให้ถึงจุดหมาย แต่คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างทริปที่ตรงกับความต้องการและสะท้อนตัวตนของแต่ละคน