Travel Sport & Entertain
ปลื้มงานThailand’s Success Stories บนเวทีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ระดับโลก

กรุงเทพฯ ประเทศไทย-22 ตุลาคม 2568 – สมาคมภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Motion Picture Association – Asia Pacific หรือ MPA) จับมือกับ พันธมิตรเพื่อความคิดสร้างสรรค์และความบันเทิง (Alliance for Creativity and Entertainment หรือ ACE) จัดงาน Thailand’s Success Stories เพื่อเฉลิมฉลองบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตระดับโลก และการขยายบทบาทอย่างต่อเนื่องในเวทีบันเทิงระดับโลก
ภายในงานรวมตัวผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหารจากหลากหลายสตูดิโอต่างประเทศ และผู้เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองลิขสิทธิ์ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยกำลังเป็นหมุดหมายสำคัญของการถ่ายทำระดับโลก จากการมีนโยบายรัฐที่เอื้อต่อการถ่ายทำ และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์
“Thailand’s Success Stories จัดขึ้นเพื่อยกย่องผลงานอันโดดเด่นที่สร้างขึ้นในประเทศไทย และเน้นย้ำชื่อเสียงของประเทศในฐานะศูนย์กลางการสร้างภาพยนตร์นานาชาติ” คุณเออร์มิลา เวนูโกปาลัน ประธานและกรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สมาคมภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา กล่าว
ระหว่างปีพ.ศ. 2565-2567 สตูดิโอสมาชิกของ MPA ลงทุนในประเทศไทยกว่า 395 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13,000 ล้านบาท) ในผลงานทั้งระดับนานาชาติและผลงานในภาษาท้องถิ่นจำนวน 17 เรื่อง ซึ่งไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก แต่ยังมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทยและธุรกิจในท้องถิ่น และการจ้างงานมากมายอีกด้วย
ผลงานที่ถ่ายทำในประเทศไทย เช่น Love Stuck รักวนลูป (Prime Video), Mad Unicorn สงครามส่งด่วน (GDH/Netflix), Jurassic World: Rebirth จูราสสิก เวิร์ล กำเนิดชีวิตใหม่ (Universal), Alien: Earth (FX/Hulu) และ 50 First Dates (Sony/GDH) ต่างก็เลือกใช้สถานที่ที่เป็นที่จดจำและทีมงานคนไทยอย่างเต็มที่
แต่ที่มากไปกว่าตัวเลขการลงทุน คุณเวนูโกปาลันย้ำเพิ่มเติมว่า “การสร้างอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ต้องอาศัยมากกว่าเม็ดเงินลงทุน” โดยการเติบโตระยะยาวนั้นขึ้นอยู่กับการพัฒนาทักษะของทีมงานในประเทศ การสร้างแรงจูงใจผ่านนโยบายจากภาครัฐ และกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่อการถ่ายทำ รวมถึงระบบนิเวศสร้างสรรค์ที่สนับสนุนให้เกิดการผลักดันทางนวัตกรรม การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และความร่วมมือข้ามพรมแดน
ตัวแทนรัฐบาลไทย คุณโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยต่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์ว่า “ในทุกเฟรมของภาพยนตร์ ทุกคำพูดของซีรีส์ มีเรื่องราวในตัวเอง และวันนี้ เรื่องราวของประเทศไทยกำลังถูกบอกเล่าให้ทั่วโลกได้รับรู้มากกว่าที่เคย เรากำลังอยู่ในยุคของการฟื้นฟูความสร้างสรรค์อย่างแท้จริง และภายใต้นโยบาย ‘Quick Big Win’ เรากำลังปฏิรูประบบยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพื่อปลดล็อกศักยภาพของครีเอเตอร์ไทย และเชิญชวนทั่วโลกเพื่อมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานไปกับเรา”
ในโอกาสนี้ คุณโชติกา ยังได้แนะนำวิสัยทัศน์ใหม่ภายใต้แนวคิด “ไท ไทย” ซึ่งเป็นมากกว่านโยบาย แต่คือ “ปรัชญา” ที่หลอมรวมหัวใจของความเป็นไทยเข้ากับมาตรฐานการผลิตระดับโลก เพื่อสร้างผลงานที่ “แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์” ในส่วนหนึ่งของแนวคิดดังกล่าว รัฐบาลได้มีการปฏิรูปคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติให้มีบทบาทการสนับสนุนเชิงรุก และจัดตั้งระบบส่งเสริมการผลิตที่ครอบคลุมและมีข้อเสนอที่ดึงดูดกองถ่ายทำต่างประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพยนตร์ไทยในทางอ้อม และการสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ดิจิทัลจากทั่วโลก
“ที่กระทรวงวัฒนธรรม เรามองบทบาทของเราว่าเป็น Executive Producer แห่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ครั้งนี้ ที่พร้อมทลายทุกอุปสรรค เอื้ออำนวยให้ความร่วมมือที่จะเข้ามา และพร้อมลงทุนในความฝันของเหล่าผู้สร้างสรรค์”
จากซ้ายไปขวา: แพททริก เฟรเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอฟ มีเดีย ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ เสวนาร่วมกับผู้ผลิตและครีเอทีฟชั้นนำของไทย ได้แก่ อภินัทธ์ (อ๊อป) ศิริเจริญจิตต์ (ยูนิตโปรดิวเซอร์และพาร์ทเนอร์ บริษัท ลิฟวิ่ง ฟิล์ม), วรรณฤดี (วัน) พงษ์สิทธิ์ศักดิ์ (โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่อง หลานม่า และซีรีส์ สงครามส่งด่วน), ณฐพล (ไก่) บุญประกอบ (ผู้กำกับซีรีส์ สงครามส่งด่วน), กุลเทพ นฤหล้า (ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เบเนโทน ฟิล์ม), และค็อด สตรูแสยง (ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ทีซิกส์ตี้ซิกส์ สตูดิโอ) โดยร่วมพูดคุยถึงความท้าทาย บทเรียน และโอกาสระดับโลกจากผลงานเด่นของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา
หนึ่งในเสาหลักสำคัญในการสนับสนุนและคุ้มครองเศรษฐกิจด้านเนื้อหาและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทย คือการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property – IP) อย่างเข้มงวด ในวาระที่ภาคอุตสาหกรรมนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ต้องมีความสำคัญมากขึ้นเช่นกัน เพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้สร้างสรรค์ว่าสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของพวกเขาจะได้รับการคุ้มครอง และการลงทุนในอุตสาหกรรมบันเทิงจะได้รับการปกป้องอย่างยั่งยืน
ตัวแทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมพูดคุยถึงกรณีศึกษาล่าสุดที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและอุตสาหกรรม ที่นำไปสู่ความสำเร็จในการสั่งปิดและดำเนินคดีต่อบริการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในกรณีศึกษาล่าสุดที่โดดเด่นคือ “ปฏิบัติการ DEV Shutdown” ซึ่งเป็นตัวอย่างชัดเจนของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ การปฏิบัติการดังกล่าวนำโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรอย่าง Alliance for Creativity and Entertainment (ACE) และสมาชิก ACE ในประเทศไทยคือทรูวิชั่นส์ ภายใต้ปฏิบัติการนี้ เจ้าหน้าที่สามารถยุติการดำเนินงานของ INWIPTV ผู้ให้บริการ IPTV ผิดกฎหมายรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศที่เปิดให้บริการมานานกว่าทศวรรษ การตรวจค้นพร้อมกันใน 6 พื้นที่ส่งผลให้มีการยึดของกลางกว่า 150 รายการ ได้แก่ อุปกรณ์ถ่ายทอดสัญญาณที่ไม่ได้รับอนุญาต เครื่องเซิร์ฟเวอร์ 46 เครื่อง เอกสารทางการเงิน และกล่อง IPTV จำนวนมาก
“เราขอชื่นชมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สำหรับการดำเนินการอย่างเด็ดขาดในปฏิบัติการ DEV Shutdown ซึ่งสามารถจัดการกับเป้าหมายหลักของบริการ IPTV ผิดกฎหมายในประเทศไทยได้สำเร็จ” ลาริสซา แนปป์ รองประธานบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายคุ้มครองเนื้อหาของสมาคมภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (MPA) กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายในครั้งนี้ “คดีนี้คือตัวอย่างที่แสดงถึงพลังของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างเรากับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ รวมถึงสมาชิก ACE ในประเทศไทยอย่างทรูวิชั่นส์”
“เราขอขอบคุณกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และ ACE สำหรับความร่วมมือในการต่อสู้กับการละเมิดลิขสิทธิ์” คุณสมพันธ์ จารุมิลินท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าว “การปิดบริการละเมิดลิขสิทธิ์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องเยาวชนและชุมชนไทยจากอันตรายเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในประเทศอีกด้วย ความสำเร็จในครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมืออย่างแข็งแกร่งจากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรระดับโลกอย่าง ACE เราจะยังคงมุ่งมั่นในการต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ในทุกรูปแบบ และความสำเร็จนี้คือหลักฐานสำคัญที่ชี้ว่า การบังคับใช้กฎหมายได้ผลจริง”