Biz news

RippleเปิดตัวระบบบริการOn-Demand Liquidityร่วมกับSBI Remit



กรุงเทพฯ-Ripple เปิดตัวระบบบริการ On-Demand Liquidity ร่วมกับ SBI Remit เพิ่มเส้นทางการชำระเงินข้ามพรมแดนแห่งใหม่จากญี่ปุ่นSBI Remit จับมือกับ Coins.ph และ SBI VC Tradeเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นแก่ลูกค้าด้วยบริการโอนเงินที่รวดเร็วและถูกกว่าโดยเริ่มต้นในประเทศฟิลิปปินส์

29 กรกฎาคม 2564: Rippleผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี่สำหรับการชำระเงินทั่วโลก ประกาศเปิดการใช้งาน On-Demand Liquidity (ODL) บน RippleNet เป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น โดยร่วมมือกับ บริษัท SBI Remit จำกัดซึ่งเป็นผู้ให้บริการโอนเงินรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นและ Coins.phซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโมบายวอลเล็ทชั้นนำในฟิลิปปินส์การขยายความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ SBI Remit สามารถเชื่อมต่อกับ Coins.ph และบริษัทย่อย SBI VC Tradeซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่บน RippleNetเพื่อการชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมที่ไม่แพงจนเกินไปจากญี่ปุ่นไปยังฟิลิปปินส์ด้วยระบบ ODLที่พร้อมให้บริการในญี่ปุ่นแล้ว ดังนั้นลูกค้า RippleNet สามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัล XRPเป็นตัวกลางในการเสริมสภาพคล่องโดยไม่จำเป็นต้องมีการระดมเงินทุน (pre-funding) ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานส่งผลให้สามารถนำเงินทุนมาลงทุนทางด้านอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่รวมถึงส่งเสริมการขยายธุรกิจการชำระเงินของพวกเขา

“การขยายสัมพันธภาพทางธุรกิจของเรากับ SBI Remit เพื่อเริ่มต้นบริการ ODL บน RippleNet ในญี่ปุ่นถือเป็นก้าวสำคัญในตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเรา SBI Remit เป็นผู้นำในด้านการตอบรับเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะช่วยมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีที่สุด” อาชีช เบอร์ลา ผู้จัดการทั่วไปของ RippleNet ที่ Ripple กล่าว“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มุ่งมั่นเติบโตในอนาคตอย่าง SBI ที่มองเห็นคุณค่าในเทคโนโลยีบล็อคเชนและจะขอเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนพวกเขาในการเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่จะมีการนำคริปโตมาใช้งานมากขึ้น”

ด้วยแรงผลักดันจากแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวของแรงงานต่างชาติและอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนในญี่ปุ่นจึงคาดว่าการโอนเงินที่มีมูลค่าต่ำแต่มีความถี่ในการโอนสูงจะเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันชาวฟิลิปปินส์พลัดถิ่นถือเป็นแรงงาน

ต่างชาติที่มี จำนวนมากเป็นอันดับสาม ของญี่ปุ่น - ในปี 2563กระแสการโอนเงินจากญี่ปุ่นไปยังฟิลิปปินส์ที่ส่งโดยคนงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศมีมูลค่ารวมประมาณ 1.8พันล้านดอลลาร์สหรัฐยิ่งไปกว่านั้นญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่คิดค่าธรรมเนียมการชำระเงินระหว่างประเทศสูงที่สุดในโลกอีกด้วยตามรายงานของ ธนาคารโลก การส่งเงินจากญี่ปุ่นมีค่าธรรมเนียมเฉลี่ย 10.5%ในขณะที่ค่าธรรมเนียมเฉลี่ยในการส่งเงินจากกลุ่มประเทศ G8 อยู่ที่ 5.92%“เราตระหนักถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อคเชนที่ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุร
กรรมการชำระเงินเท่านั้นแต่ยังรวมถึงวิธีที่เราบริหารจัดการธุรกิจของเราด้วยการนำเงินลงทุนมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่” โนบุโอะ อันโดะผู้อำนวยการตัวแทนของ SBI Remit กล่าว “การเปิดตัว ODL ในญี่ปุ่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นและเรามุ่งมั่นที่จะผลักดันนวัตกรรมทางการเงินในระดับต่อไปเราจะไม่หยุดอยู่เพียงการให้บริการการชำระเงินแบบเรียลไทม์ในฟิลิปปินส์เท่านั้น แต่ยังขยายต่อไปยังประเทศอื่นๆของภูมิภาคด้วย”

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังขยายตัวทั้งในแง่ของการเติบโตและโอกาสสำหรับ RippleNetในการตอบรับกับกฎระเบียบด้านสกุลเงินดิจิทัลที่มีความก้าวหน้ามาก รวมถึงมีบริษัทนวัตกรรม เช่น SBI Remitเกิดขึ้นมากมายที่ต้องการเป็นผู้นำในโลกของคริปโต เอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับ Rippleด้วยปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น 130% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในระยะต่อไปของความร่วมมือนี้ SBI Remitจะเชื่อมต่อกับพันธมิตรรายอื่นๆ บน RippleNet และใช้ XRP เพื่อเสริมธุรกิจการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพสูง“นวัตกรรม Fintech เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างธุรกรรมทางการเงินที่รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น” นัวแมนมุสตาฟา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Coins.ph กล่าว “ด้วยการสนับสนุนจาก SBI Remit และ Rippleเรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น

โดยเปิดบริการการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ที่รวดเร็วและถูกลงซึ่งเป็นอีกก้าวที่เราพัฒนาเพื่อมุ่งสู่การปฏิวัติระบบการเงิน”เนื่องจากมีองค์กรจำนวนมากขึ้นที่มองหาการรวมบริการสกุลเงินดิจิทัลเข้ากับธุรกิจของพวกเขา ดังนั้น SBI Remitจะเข้าร่วมกับลูกค้า ODL ที่มีอยู่ใน APAC เช่น Novatti และ Tranglo ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญใน RippleNetสำหรับบริการแปลงผลิตภัณฑ์/บริการที่ตีราคาได้เป็นเงินสกุลดิจิทัล (fiat on and off-ramps)และบริการแปลงเงินสกุลดิจิทัลเป็นผลิตภัณฑ์/บริการที่ตีราคาได้ (Off-ramp) ทั้งนี้ SBI Holdingsเป็นทั้งผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นของ Ripple