Biz news
จับตา..'ธุรกิจสตรีมมิ่ง'หลังโควิดตลาดบูม
กรุงเทพฯ – PwC คาดการณ์รายได้รวมของกลุ่มอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงของไทยจะอยู่ที่ 6.01 แสนล้านบาทหรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (2564 - 2568 CAGR) ที่ 4.45% ขณะที่การฟื้นตัวของธุรกิจภาพยนตร์-เพลง วิทยุ และพอดคาสต์-สื่อโฆษณานอกบ้านจะช่วยหนุนรายได้รวมของอุตสาหกรรมปีนี้ให้อยู่เหนือ 5 แสนล้านบาทหลังพิษโควิด-19ส่งผลกระทบให้การเติบโตในปีก่อนลดลงถึง 6% รายงาน Global Entertainment & Media (E&M) Outlook 2021-2025 ของ PwCที่ได้คาดการณ์รายได้รวมของกลุ่มอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงของไทยในปี 2568 ว่าจะอยู่ที่ 601,936 ล้านบาทหรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (2564 - 2568 Compound Annual Growth Rate: CAGR) ที่ 4.45% ในขณะเดียวกันรายงานคาดว่า รายได้รวมของอุตสาหกรรมในปีนี้จะอยู่ที่ 505,822 ล้านบาท หรือเติบโต 4% จากปีก่อนซึ่งถือเป็นการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้การเติบโตในปี 2563 ปรับตัวลดลงถึง 6% อยู่ที่ 484,593ล้านบาท
“แนวโน้มอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงไทยในปีนี้ยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19แต่ในขณะเดียวกันก็มีธุรกิจในหลายเซกเมนต์ที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคไปสู่แพลตฟอร์มที่เป็นดิจิทัลมากขึ้นรวมถึงสัญญาณของการฟื้นตัวในบางเซกเมนต์ที่ offset กับการเติบโตที่ลดลงในปีก่อนหน้าทำให้เราคาดว่าการเติบโตเฉลี่ยจากนี้ไปในอีก 5 ข้างปีหน้าจะอยู่ที่ราว 4-5% ต่อปี” นางสาว ธิตินันท์ แว่นแก้วหุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี และหัวหน้าสายงานสื่อและบันเทิง บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าว
ทั้งนี้ รายงานของ PwC ซึ่งทำการสำรวจข้อมูลด้านรายได้และคาดการณ์ทิศทางการเติบโตของ 14 กลุ่มอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงใน53 ประเทศและอาณาเขตทั่วโลกคาดว่า ประเภทของสื่อและบันเทิงของไทยที่จะมีอัตราการเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกในปีนี้ ได้แก่
ธุรกิจภาพยนตร์ (เติบโต 47% จากปีก่อนมาที่ 7,823 ล้านบาท) ธุรกิจเพลง วิทยุ และพอดคาสต์ (เติบโต 27% จากปีก่อนมาที่11,856 ล้านบาท) และธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน (เติบโต 24% จากปีก่อนมาที่ 4,987 ล้านบาท) ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจโทรทัศน์แบบดั้งเดิมและวิดีโอที่บ้าน
และธุรกิจหนังสือจะเป็นสองกลุ่มสื่อและบันเทิงของไทยที่มีอัตราการเติบโตติดลบในปีนี้ที่ -3% และ -2% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงไทยกับทั่วโลกพบว่า เป็นไปในทิศทางใกล้เคียงกันโดยมูลค่าการใช้จ่ายผ่านสื่อและบันเทิงทั่วโลกในปีนี้ คาดจะเติบโต 7% จากปีก่อนมาที่ 68,114,143 ล้านบาท (2.03ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์และเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวขณะที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของรายได้ของอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงของโลกในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2564 - 2568 CAGR) จะอยู่ที่4.61%
“ธุรกิจสตรีมมิ่ง” โอกาสสำหรับอุตสาหกรรมสื่อฯ ไทยรายงานระบุว่า วิกฤตโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงในหลากหลายด้าน เช่นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาเสพสื่อประเภทสตรีมมิ่งมากขึ้นแทนการรับชมโทรทัศน์หรือเดินทางไปโรงภาพยนตร์หรือกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มวัยุร่นที่สนใจคอนเทนต์และเกมบนมือถือมากกว่าสื่อดั้งเดิม เป็นต้น
นางสาว ธิตินันท์ กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตของไทยที่ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆจะส่งผลให้ธุรกิจสตรีมมิ่งเป็นตลาดที่น่าจับตามองในปีนี้“ตราบใดที่คนส่วนใหญ่หันมาใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้น ก็จะทำให้บริการสื่อประเภท over the topและวิดีโอสตรีมมิ่งยิ่งได้รับความนิยมไปด้วย ทั้งในส่วนของผู้ให้บริการ OTT แบบบอกรับสมาชิกและแบบเก็บค่าบริการเป็นรายครั้งซึ่งเราคาดว่า ในปีนี้จะเห็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทั้งในเรื่องของราคาและโปรโมชันเพื่อแย่งส่วนแบ่งการตลาด สำหรับธุรกิจวิดีโอเกมและอีสปอร์ตก็เป็นอีกเซกเมนต์หนึ่งที่มีการเติบโตต่อเนื่องติดต่อกันมาหลายปีตามพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่นิยมเล่นเกมสูงสุดเป็นอันดับ 1ของโลก 1 ” นางสาว ธิตินันท์ กล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงาน Digital 2021: Thailand 2 โดย DataReportal ระบุว่า จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตของไทย ณ เดือนมกราคมปีนี้ อยู่ที่ 48.59 ล้านคน คิดเป็นอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ 69.5% ของประชากรทั้งหมด นอกจากนี้คนไทยยังใช้สมาร์ทโฟนและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตบนมือถือมากถึง 90.66 ล้านครั้ง ทำให้ความต้องการสื่อบันเทิงในลักษณะนี้สูงขึ้น
“กระแสความนิยมใช้บริการ OTTและวิดีโอสตรีมมิ่งของผู้บริโภคจะช่วยสร้างโอกาสและความท้าทายให้กับผู้ประกอบการในการกำหนดกลยุทธ์เพื่อเจาะตลาดและสร้างยอดขายในภาวะที่ผู้เล่นหน้าใหม่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการเลือกแพลตฟอร์มที่ใช่และคอนเทนต์ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งความเข้าใจบริบทภายนอกและปัจจัยของตลาด โดยนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบริการรูปแบบใหม่ได้อย่างทันท่วงทีจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับผู้บริการรายนั้น ๆ” นางสาว ธิตินันท์ กล่าวทิ้งท้าย