In Bangkok
'รผว.ทวิดา'มอบประกาศปฏิบัติงานดีเด่น ให้กำลังใจบุคลากรสภป.กทม.
กรุงเทพฯ-รองผู้ว่าฯ ทวิดา ให้กำลังใจบุคลากร “วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก สภป. กทม. ขอให้รักษามาตรฐานสากล สู้กับทุกเรื่องที่เข้ามา ดำรงตนอยู่ในวินัยและความถูกต้อง”
(2 พ.ย. 68) รผว.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มอบประกาศเกียรติคุณปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2568 ของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ณ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ถนนพระรามที่ 6 เขตราชเทวี
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวแสดงความยินดีกับสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) ในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบ 22 ปี ซึ่งวันนี้น่าจะภูมิใจได้ว่ายังไม่มีงานไหนที่การปฏิบัติงานผิดพลาดจนกระทบกับการช่วยเหลือประชาชนในช่วงเวลาที่ผ่านมา เรามีพัฒนาการจากในช่วงแรก เมื่อสามปีที่แล้ว ซึ่งอาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะประชาชนช่วยเรา จากทรัพยากรที่เราลงไปให้ และการเตรียมพร้อมฝึกฝนชุมชน ซึ่งอย่างน้อยในการปรากฏตัวในชุมชนจะทำให้เห็นว่าเราทำอะไร ช่วยอะไรได้บ้าง ทำให้เป็นการบอกว่าเราไม่ได้ทำงานแค่เฉพาะเวลาเกิดเรื่อง จริง ๆ
หลายเรื่องมีคนชื่นชมสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแง่ปฏิบัติการ ในแง่ระบบที่ดีขึ้น รวมถึงระบบที่ข้องแวะกับพื้นที่ วันนี้น่าจะเห็นแล้วว่าการที่พื้นที่เรียนรู้ไปกับเราด้วย จะทำให้งานของเราเบาขึ้นมาก ข่าวดีคือ ปีนี้ Singapore Civil Defence Force : SCDF ของสิงคโปร์ รับ USAR ของเรา 3 คน เข้าไปฝึกเป็น International USAR หมายความว่า เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครอาจเป็นหน่วยแรกๆ ที่สามารถพัฒนาไปจนถึงระดับสูงของเจ้าหน้าที่กู้ภัยเขตเมือง คิดว่าถ้าในแง่ความสามารถเราไม่ได้มีทักษะที่ด้อยไปกว่าเขา เพียงแต่เราขาดประสบการณ์ ซึ่งด้านหนึ่งถือว่ากรุงเทพมหานครปลอดภัยขึ้น แต่พอไม่มีเคสยาก ๆ ให้มาฝึก เราก็จะตัดสินใจปรับกลวิธีได้ไม่ชำนาญ ซึ่งสถาบันฝึกมาตรฐานสามารถช่วยฝึกฝนเราได้อย่างดี
นอกจากนี้การเปิดโอกาสให้ทหารเกณฑ์ทุกเหล่าเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ข้อดีคือความแข็งแรง และศักยภาพที่ดี ภารกิจของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ไฟไหม้อาจเป็นเคสหลักของกรุงเทพมหานคร แต่จะมีเรื่องใหม่ ๆ มาค่อนข้างเยอะ จะต้องเผื่อและเตรียมสำหรับภัยอื่น ๆ ด้วย และจากการที่มีมอเตอร์แลนซ์เอาไว้บริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยคนที่จะขี่มอเตอร์แลนซ์จะต้องมีทักษะ ในการจัดให้เจ้าหน้าที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีการฝึกทักษะ EMT จะทำให้มีความรู้สูงกว่าเรื่องของการกู้ชีพพื้นฐาน ตัวเองจะปลอดภัย และเพื่อนร่วมทีมก็จะปลอดภัย รวมถึงอยากให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยวางระบบให้อาสากู้ภัยต่าง ๆ ในการร่วมปฏิบัติภารกิจด้วยความปลอดภัย
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวในตอนท้ายว่า ในช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา อยากให้รู้ว่าการปฏิบัติงานที่เป็นระบบ ใช้หลักการทางวิชาการ ใช้ข้อมูลดิจิตัล และความแม่นยำของเครื่องมือ ทำให้ไม่มีปฏิบัติการไหนที่สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทำผิดระเบียบขั้นตอนปฏิบัติ ขณะเดียวกันระเบียบขั้นตอนที่มีไว้ทำให้การสื่อสารและทำงานกับคนอื่นทำได้ง่ายขึ้น หวังว่าบทเรียนที่ผ่านมาทั้งหมดที่ทำให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผยดังเช่นวันนี้ต่อไป เพราะวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จักสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร
วันที่เรายืดหน้าไปไหนก็ได้ที่บอกว่าเราทำงานด้วยมาตรฐานสากล อยากให้เดินในแนวนี้ต่อไป และจะทำให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยที่ทำงานสำคัญที่สุด คือรักษาความปลอดภัยเมือง ซึ่งในการทำงานจะต้องมีการพัฒนาระบบทั้งการบริหารและเทคโนโลยีปฏิบัติการ รวมถึงภาคประชาชน และภาคีเครือข่ายที่เป็นแรงสำคัญในการช่วยทำงานให้ประสบความสำเร็จ ช่วยกันทำงานอย่างไร้รอยต่อ จัดระบบหลัก ระบบพื้นที่ ประสานงานกลไกเขตที่วันนี้เขตเก่งขึ้นมากเช่นกัน เมื่อเชื่อมกลไกการทำงานเป็นระบบ ภาระงานที่ไม่จำเป็นของแต่ละหน่วยจะน้อยลง มีเวลามากขึ้น คิดแก้โจทย์ใหม่ ๆ ที่จะพัฒนาเพื่อเตรียมพร้อมต่อภัยที่จะมาถึงในอนาคตได้ คนกรุงเทพฯ ปลอดภัยขึ้น ขอให้สู้กับทุกเรื่องที่เข้ามา ดำรงตนอยู่ในวินับและความถูกต้อง
สำหรับวันนี้ มีผู้ได้รับประกาศเกียรติคุณปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2568 จำนวน 273 คน ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ผู้ปฏิบัติงานกรณีเหตุอาคาร สตง. ถล่ม จำนวน 219 คน กลุ่มที่ 2 ข้าราชการและลูกจ้างผู้มีผลการปฏิบัติงานเป็นที่ประจักษ์ จำนวน 52 คน และกลุ่มที่ 3 สมาชิก อปพร. ที่ปฏิบัติงานร่วมกับสำนักป้องกันและบระบรรเทาสาธารณภัย ด้วยความเสียสละ และมีผลงานโดดเด่น จำนวน 2 คน ซึ่งนอกการการมอบประกาศเกียรติคุณปฏิบัติงานดีเด่นแล้ว ยังมีพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่อดีตข้าราชการตำรวจดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ล่วงลับไปแล้ว
ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหลัก 43 สถานี สถานีดับเพลิงและกู้ภัยย่อย 6 สถานี และฝ่ายปฏิบัติการพิเทษและกู้ภัยทางน้ำ 1 แห่ง มีนักดับเพลิงและกู้ภัยกว่า 3,400 คน ซึ่งนอกจากปฏิบัติภารกิจหลักในการระงับเหตุเพลิงไหม้แล้ว ยังมีทีมปฏิบัติการพิเศษที่มีควานเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งทีมตอบโต้สารเคมีและวัตถุอันตรย ทีมกู้ภัยในที่สูงและอับอากาศ ทีมค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง (USAR) ทีมกู้ภัยทางทางน้ำ ทีมอากาศยานไร้คนขับและการสื่อสาร ทีมกู้ภัยบท้องถนน ทีมการแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Medical Service : EMS) ซึ่งมีการอบรม เพิ่มพูนความรู้ ทบทวน และพัฒนาทักษะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถรับมือกับทุกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โอกาสนี้ นายธนิต ตันบัวคลี่ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธาธาธารณภัย คณะผู้บริหารสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บุคลากรสำนักป้องกันและบรรเทาสาธาณภัย ผู้แทนกลุ่มเขต ผู้แทนภาคีเครือข่ายด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน
