Biz news

Mitsubishi Electricร่วมAIS 5G,TKK ผนึกเพิ่มศักยภาพเดินหน้าอุตฯไทย



กรุงเทพฯ-Mitsubishi Electric ร่วมกับ AIS 5G และ TKKผนึกกำลังเพิ่มศักยภาพเดินหน้าขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยMitsubishi Electric ผู้ผลิตชั้นนำในระบบอุตสาหกรรมอัตโนมัติแบบครบวงจรนำโมเดลไลน์ e-F@ctoryเดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไทยที่เน้นความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อสร้างโซลูชั่นที่ดีที่สุดและคุ้มค่าสำหรับผู้ประกอบการพร้อมแถลงความร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และ บริษัท ทีเคเคคอร์ปอเรชั่น จำกัด ในการพัฒนา Factory AutomationRemote Solution ด้วย 5G Smart Manufacturing Solutionsที่พร้อมใช้งานจริงเพื่อเติมเต็มขีดความสามารถและเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมไทยตามนโยบาย Thailand 4.0

นายวิเชียร งามสุขเกษมศรี กรรมการบริหาร บริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัดเผยว่า “ในวาระครบรอบ 100 ปีของ Mitsubishi Electricผู้นำด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเชื่อถือมาอย่างยาวนานและในปัจจุบันยังเป็นผู้นำในด้านผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ สายAutomation ครบวงจร โดยได้นำโมเดลไลน์ “e-F@ctory”มายกระดับสายการผลิตในวงการอุตสาหกรรมของไทย

ส่งเสริมความรู้ด้าน Automation ให้บุคลากรในประเทศไทยและผลักดันให้ Factory Automationของไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทข้ามชาติไม่ให้ย้ายฐานการผลิตไปใช้แรงงานคนในประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่าอีกทั้งยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญในการพัฒนาโซลูชั่นในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ Factory Automation Remote Solutionโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่จะช่วยให้สามารถทำงานจากระยะไกล ยืนยันสถานะการผลิตได้แบบ Real Timeเสมือนการควบคุมการทำงานในสถานที่ทำงานจริจากสถานที่ใดหรือเวลาใดก็ได้รวมทั้งตรวจจับและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีอำนวยความสะดวกให้กับช่างและวิศวกรที่ทำงานแบบ Workfrom Home ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด19ได้เป็นอย่างดี โดยมีพันธมิตรอย่าง AIS ผู้ให้บริการเครือข่าย 5Gร่วมผสานเทคโนโลยีด้าน IT (Information Technology)และด้าน OT (Operation Technology)ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญในระบบ Factory Automation ของMitsubishi Electric เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวเติมเต็มขีดความสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นในการนำไปใช้งานได้อย่างเสถียร รวมทั้งบริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัดผู้นำธุรกิจตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมที่จะร่วมบูรณาการและแนะนำโซลูชั่นนี้ให้กับผู้ประกอบการที่สนใจ เพื่อรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมไทยในอนาคต”

ด้าน นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัยหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS กล่าวว่า“หัวใจสำคัญของการขยายศักยภาพ 5Gสู่ภาคอุตสาหกรรมนอกเหนือจากความแข็งแกร่งของการมีเครือข่ายที่พร้อมใช้งานแล้วการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่พร้อมเดินหน้าพลิกโฉมการเปลี่ยนแปลงของโรงงานให้มีศักยภาพสอดรับกับโลกยุคใหม่ก็เป็นแนวทางสำคัญที่ AIS ยึดถือมาโดยตลอดโดยในครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่เราจะยกเอาต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาสู่การใช้งานจริง ผ่านความร่วมมือกับ มิตซูบิชิ อีเล็คทริคแฟคทอรี่ ออโตเมชั่นที่มีความแข็งแรงในด้านสายการผลิตของโรงงานในประเทศไทยและ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่นผู้จำหน่ายสินค้าและดำเนินการใช้งานระบบควบคุมการผลิตอัตโนมัติในโรงงานชั้นนำ ที่จะมาร่วมกันนำเสนอโซลูชั่น e-F@ctoryที่พร้อมให้บริการและยกระดับภาคการผลิตด้วย SmartManufacturing ที่ใช้งานจริงบนเครือข่าย AIS 5Gที่จะมาเสริมประสิทธิภาพการทำงานภายในภาคการผลิตได้อย่างสมบูรณ์ทั้งการเพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุนการผลิตและตอบรับความต้องการการใช้งานในรูปแบบเครือข่ายเฉพาะ(Private Network) อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลความเร็ว ลดความหน่วง เพื่อการรองรับการทำงาน IoTได้อย่างเต็มรูปแบบนับเป็นความร่วมมือที่จะยกระดับขีดความสามารถให้กับภาคอุตสาหกรรมบนโครงข่าย 5G ที่มีศักยภาพดีที่สุดในประเทศไทย

ผสมผสานกับความเป็นผู้นำด้าน Factory Automation ของMitsubishi Electricและความเชี่ยวชาญในการจำหน่ายและดำเนินการใช้งานสินค้าในระบบควบคุมการผลิตอัตโนมัติในโรงงาน ของ TKKโดยนอกเหนือจากโซลูชั่น Factory automationที่เป็นพื้นฐานแล้ว Factory Automation Remote Solutionอีกหนึ่งโซลูชั่นที่มีความสำคัญสามารถตอบสนองการทำงานที่แตกต่างและเหมาะกับสถานการณ์ COVID-19 ที่ต้องทำงานแบบระยะไกลย่อมต้องการ Network 5G ที่เป็น Networkไร้สายที่มีศักยภาพและมีความเสถียรอีกด้วย”

สำหรับ คุณกัลยาณี คงสมจิตร ประธานบริหาร บริษัททีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด เสริมว่า “ทีเคเค คอร์ปอเรชั่นเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าและโซลูชั่นด้านอุตสาหกรรมพร้อมทั้งเป็นผู้ให้บริการด้านโซลูชั่นแบบครบวงจร (TotalSolution Provider) สำหรับความร่วมมือระหว่าง Mitsubishi
Electric และ AIS ในครั้งนี้ ทาง TKKเชื่อมั่นว่าจะสามารถส่งมอบโซลูชั่นให้กับโรงงานในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความพร้อมจากพันธมิตรทั้งสามฝ่ายโดยมีเป้าหมายร่วมกันคือยกระดับภาคอุตสาหกรรมของไทยให้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเติมเต็มคุณภาพการทำงานด้วยเทคโนโลยีที่เข้าใจปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง”สำหรับ Factory Automation Remote Solutionคือการทำงานของ IoT (Internet of Things)ที่รวบรวมการควบคุมระยะไกลไว้ด้วยกัน

เป็นโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่ช่วยให้สามารถทำงานจากระยะไกลได้อย่างสมบูรณ์แบบเสมือนการควบคุมการทำงานจากสถานที่ทำงานจริงหรือไลน์การผลิต โดยมี 4 ส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ (1)การตรวจสอบระยะไกล (Remote Monitoring)ทำให้สามารถตรวจสอบ KPI (Key Performance Indicator)ทั้งผลงานและความสำเร็จของชิ้นงานต่าง ๆภายในโรงงานและข้อมูลอื่น ๆ ได้ตลอดเวลา (2)การบำรุงรักษาระยะไกล (Remote Maintenance)ที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องไปที่สถานที่ทำงานจริง (3)การพัฒนาโปรแกรมจากระยะไกล (Remote Development)ทำให้สามารถทำงานได้จากสถานที่ใดก็ได้รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆโดยเห็นภาพและรายละเอียดการทำงานในพื้นที่การผลิตจริง และ(4) การบริการระยะไกล (Remote Service)ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคขององค์กรสามารถตอบโต้การทำงานได้ทันทีที่เจ้าหน้าที่มีปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์โดยมีฟังก์ชันควบคุมการทำงานที่ง่ายต่อผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาและปลอดภัยในการจัดการอุปกรณ์จากระยะไกล